วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

SF TaoHun 7



พลั๊ก!!

ตุ๊บ

โอ้ย!!!

เท้างามๆของร่างโปร่งบรรจงถีบเข้าที่ท้องของร่างสูงอย่างแม่นยำจนอีกคนตกจากโซฟามานอนโอดโอยบนพื้นห้อง

“เหี้ย มึงถีบกูทำไมเนี่ย” ร่างสูงโวยวาย ก่อนจะตะเกียดตะกายขึ้นมานั่งบนโซฟา

“แล้วมึงพูดเหี้ยอะไรล่ะ สัด” จื่อเทาอมยิ้ม ไม่ใช่ดีใจที่โดนด่าหรอก แต่ไอ้แก้มแดงๆของคนตรงหน้าต่างหากที่ทำให้ยิ้ม อายนี่หว่า ไอ้หัวสี มันอายเว้ย อย่างนี้ต้องแกล้ง

“ก็พูดว่า คืนนี้กูกับมึง จะ คริๆๆ ครุๆๆ กันไงว่ะ”

“เหี้ยฝันไปเถอะมึง คิดจะเคลมกูรอชาติหน้าเถอะ”

“ไม่ต้องรอหรอก อย่าลืมสิ ว่ากู ได้มึงแล้วนะ ว่ะฮ่าๆๆ” ร่างสูงหัวเราะร่วน ก่อนที่เท้าของร่างโปร่งจะแหวกอากาศมาอีกครั้ง

หมับ มือหนาจับข้อเท้าอีกคนไว้แน่น

“เหี้ยปล่อยสิว่ะ ปล่อย” ร่างโปร่งดิ้นทั้งที่ยืนขาเดียวมือเรียวเกาะพนังห้องเพื่อพยุงตัว แต่ร่างสูงกลับ นิ่ง นิ่งจนอีกคนเริ่มสงสัย

“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย”

“คือว่าเอ่อ..” จื่อเทาตะกุกตะกัก จะให้ตอบยังไงว่า กำลังอึ้งอยู่ ก็ไอ้บ้านี่มันดันใส่กางเกงบอล แล้วกางเกงบอลขากางเกงกว้าง พอมันยกขาขึ้นมันก็เลย เห็น ไปถึงไหน ต่อไหน…

“มึงนี่ขาวทั้งตัวเลยเนาะ” ร่างสูงบอกเสียงเบา

“ไอ้เหี้ย” ร่างโปร่งอาศัยจังหวะเผลอสะบัดเท้าออกจากมือหนาพร้อมๆกับถีบเข้าที่ยอดอกอีกคน ก่อนจะวิ่งออกไปที่ระเบียง



“แมร่ง ไอ้เหี้ยนั่น มันๆๆ เว้ย กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนว่ะ” เซฮุนโอดครวญก่อนจะขยี้หัวตัวเองเพื่อระบายความเครียด



“แมร่งถ้ารู้ว่าเนียนทั้งตัวขนาดนี้ กูไม่น่าปล่อยมันเลยว่ะ ว่ะฮ่าๆ” ร่างสูงยกยิ้มพลางมองอีกคนที่ยืนบ่นที่ระเบียง ไม่รู้หรอว่าไอ้ที่พวกพี่ๆบอกน่ะมันจริงเท็จแค่ไหน แต่ตอนนี้ แค่รู้สึกมีความสุข มีความสุขมากๆที่ได้อยู่ใกล้ๆมัน เอาเป็นว่า ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไร รู้แค่อยู่กับไอ้หัวสีนี่ สนุกดี





เซฮุนอยากจะบ้า

หลังจากที่เมื่อคืนร่างสูงไปนอนที่ห้อง พอตื่นเช้าแทนที่มันจะกลับบ้านแต่ดันลากเขามาโรงเรียนพร้อมกัน โอเค มันไม่แปลกเพราะ เขากับไอ้เหี้ยนี่มาโรงเรียนพร้อมกันได้เป็นอาทิตย์แล้ว แต่ มันแปลกกว่าทุกวันคือ ไอ้เหี้ยนี่มันเดินจับมือเขาเข้าสถาบัน แมร่ง มีแค่คนตาบอดเท่านั้นแหละว่ะที่จะไม่มอง อยากจะบ้าตาย ไม่ใช่ไม่พยายามแกะแต่มันแกะไม่ออก ไม่รู้ว่าแรงคนหรือแรงควายมันถึงได้ติดแน่นยิ่งกวาทากาวตาช้าง



“เฮ้ยๆ ก้าวหน้านี่หว่า หัวหน้าฮ่าๆๆ” รุ่นพี่หน้าสวยที่เป็นหนึ่งใน 5 สิงห์จุฑาเทพ เอ่อ หมายถึง 5 แสบโยธา เอ่ยทัก

แต่กูว่าแมร่งแซวกูมากกว่า จากสายตาวิบวับนั่นก็รู้แล้ว

“นิดหน่อยว่ะพี่” ร่างสูงตอบ

“นี่เซฮุนสินะ พี่ชื่อลู่ห่าน เรียกพี่ลู่ก็ได้ ต่อไปคงเรียกเซฮุนเฉยๆไม่ได้แล้ว คงต้องเรียก เจ๊ สินะ ฮ่าๆๆ”

“เจ๊พ่องสิ!!” ร่างเพรียวแหวลั่น

“เซฮุนพี่ลู่เป็นรุ่นพี่กูนะ พูดจาให้มันดีๆหน่อย” ร่างสูงบอกเสียงเข้ม

“รุ่นพี่มึง แต่ไม่ใช่รุ้นพี่กู ปล่อย กูจะไปเรียน” ร่างเพรียวบอกก่อนจะเดินออกมาทันที

เซฮุนกำลังโกรธ โกรธมากที่ไอ้เหี้ยนั่นมันบังอาจเล่าเรื่อง น่าอายพวกนั้นให้รุ่นพี่มันฟัง เท่าที่สังเกต ไอ้รุ่นพี่คนนั้นต้องรู้ทุกอย่างแน่นอน มันถึงได้จงใจพูดกับเขาแบบนั้น

เหี้ยเอ้ย แล้วกูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนว่ะ



“นี่ มึงเป็นเหี้ยอะไรอีกว่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนที่มือหนาจะคว้าข้อมือของอีกคนไว้

“กูไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยคนมอง”

“ก็ปล่อยแมร่งมองไปสิ มึงต้องบอกกูมาก่อนมาว่าเป็นอะไร” จื่อเทาสั่งเสียงเข้ม

“แล้วมึงล่ะ มึงทำอะไร มึงเล่าเรื่องพวกนั้นให้รุ่นพี่มึงฟังใช่ไหม คงสะใจมากละสิที่แก้แค้นกูได้” เซฮุนแหวลั่น

“นี่มึงฟังกูก่อนได้ไหมเนี่ย มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ”

“กูคิดอะไร มึงรู้หรือไงว่ากูคิดอะไร ปล่อยกูแล้วไม่ต้องเสือกเสนอหน้ามาให้กูเห็นอีกนะ ไม่งั้นกูกระทืบมึงจมดินแน่” ร่างโปร่งบอกก่อนจะเดินเข้าแผนกไป แต่มีเหรออีกคนจะยอม

“ทำไม การที่ใครๆเขารู้ว่ามึงเป็นเมียกู มันน่าอายนักหรือไง” จื่อเทาบอกเสียงลอดไรฟัน

“เหอะ กูเคยบอกมึงไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่านั่น คือสิ่งที่กูเสียใจที่สุดในชีวิต”

“ก็ดี เพราะกูก็ไม่ได้ดีใจนักหรอก หึ” ร่างสูงบอกก่อนจะหันหลังเดินออกไป



“เซฮุน” แบคฮยอนและคยองซูที่ยืนมองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นเดินเข้ามาหาเพื่อน หลังจากที่ร่างสูงกลับไปแล้ว

“อ้าว หมาน้อย คยองซู เอาขนมมาให้กูเหรอ” เซฮุนยิ้มให้เพื่อน แต่เป็นยิ้มที่เพื่อนตัวเล็กเห็นแล้วแทบจะร้องไห้ ทำไมยิ้มมันเศร้าแบบนั้นว่ะ

“มานี่เลย มาคุยกับกูสิ” แบคฮยอนลากเพื่อนออกไปคุยที่สวนของโรงเรียนทันที ไม่รงไม่เรียนมันแล้วยังไงวันนี้เขาต้องรู้เรื่องให้ได้



“มึงลากกูมาทำไมไอ้หมาน้อย”

“เซฮุน ทะเลาะกับจื่อเทาเรื่องอะไรเหรอ” คนถูกถามไม่ได้ตอบ แต่กลับเป็นคยองซูที่ถามขึ้นแทน

“เรากับไอ้เหี้ยนั่นก็ทะเลาะกันทุกวันอยู่แล้วน่าคยองซู อย่าลืมสิว่าเรากับมันไม่ถูกกันนะ”

“เหอะ มึงคิดว่าพวกกูโง่หรือไงไอ้หัวสี กูมีตานะโว้ย เห็นอยู่ชัดว่าพวกมึงไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด กูคงไม่โงคิดว่าพวกมึงยังตีกันอยู่หรอก” แบคฮยอนโพล่งขึ้น

“มันไม่มีอะไรหรอกน่า”

“เลี่ยง เลี่ยงอีกแล้ว ทำไมมึงเป็นอะไรถึงไม่บอกกูว่ะ พวกกูเป็นห่วงมึงนะเนี่ย” แบคฮยอนแหวลั่น

“ใช่ เซฮุนจะทะเลาะกับจื่อเทา ต้องมีเหตุผลสิ วันนั้นเราก็เห็นว่ารักกันดีนี่นา”

“รัก เรากับไอ้นั่น ไปรักกันตอนไหน คยองซู”

“อ้าว เซฮุนกับจื่อเทาไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกเหรอ” คยองซูเอียงคอถามอย่างสงสัย

“บ้าน่า เรากับมันไปเป็นแฟนกันตอนไหน”

“จะเป็นไปได้ยังไง เซฮุนไม่รู้เหรอ ว่าแววตาที่จื่อเทามองเซฮุนน่ะมันเป็นแบบไหน แม้แต่แววตาของเซฮุนมองจื่อเทาก็ด้วย มันเป็นแววตาของคนรักกันชัดๆ” คยองซูบอกโดยมีแบคฮยอนพยักหน้ารับ

“ใช่ พวกกูเป็นคนนอกพวกกูยังมองออกเลย ทำไมมึงถึงยังไม่รู้ตัวว่ะ”

“จะเป็นไปได้ยังไง นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียว มันไม่ทำให้รักกันขึ้นมาหรอกน่า” เซฮุนสบถเบาๆ แต่มีหรือจะหลุดลอดจากหูเทพของแบคฮยอนไปได้

“ห่ะ มึงว่าอะไรนะ” แบคฮยอนตะโกนลั่น ส่วนคยองซูยืนม้วนเป็นกุ้งเพราะความอาย

“ไอ้เซฮุนนี่มึง”

“เออ อย่างที่มึงคิด แต่ตอนนั้นกูแมร่งเมานิหว่า” เซฮุนบอกอย่างเสียไม่ได้

“มึงไม่รู้อะไร ไอ้สำลีน่ะ มันจับคยองซูน้อยของเรากดก่อนจะบอกรักอีกนะเว้ย”

“ส่วนมึง ก็คงปล้ำไอ้หยอยตั้งแต่วันแรกที่เจอสินะ”

“มันใช่เวลามาพูดเล่นไหมเนี่ย” แบคฮยอนแหวลั่น

“ที่กูจะบอกก็คือ ไอ้การนอนด้วยกันมันอาจจะไม่ทำให้รักกันก็จริง แต่เรื่องราวหลังจากนั้นต่างหากที่จะทำให้มึงรัก มึงอยู่กับมันมาเกือบเดือนเนี่ย ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงว่ะ”

“รู้สึกเหรอ” เซฮุนมองหน้าเพื่อนก่อนจะเลิกคิ้วถาม

“เอาเถอะ มึงยังไม่รู้ตัวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันหายไปมึงจะรู้เองแหล่ะ ไปเถอะ คยองซูเราไปเรียนกันดีกว่า” แบคฮยอนกับคยองซูกลับไปแล้วโดยทิ้งให้ร่างโปร่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

ปึง โครม!!!

เสียงเหมือนโต๊ะหรือไม่ก็เก้าอี้ถูกถีบอย่างแรงจนล้มระเนระนาด ทำเอาซิ่วหมิ่นได้แต่ปิดตาแน่น

“เอาอีกแล้ว ไอ้หัวหน้ามันผีเข้าอีกแล้ว” ซิ่วหมิ่นบอกทั้งๆที่ปิดตา

“แบบนี้ทะเลาะกับเมียมาแน่ๆ” เฉินเดา

“หึ ไอ้ลู่ มึงไปทำอะไรให้ ไอ้เทากับเมียมันทะเลาะกันหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนจะปรายตามองคนหน้าสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ

“อะไรว่ะ เหี้ยคริสกูไม่ได้ทำนะเว้ย”

“ไอ้ลู่ กูไม่ได้โง่ บอกพวกกูมาซะดีๆว่ามึงทำอะไร” คริสคาดคั้น

“ป่าว กูไม่ได้ทำอะไร ก็แค่อยากรู้ ว่าถ้าเสือตัวนี้ มันขาดคนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมามันจะเป็นยังไง” ลู่ห่านบอกด้วยรอยยิ้ม

นี่แหล่ะ ลู่ห่าน คนที่เหมือนดอกไม้อาบยาพิษ แม้ว่าจะสวยแต่พิษสงร้ายกาจจนทำให้คนที่เข้าใกล้ทุรนทุรายได้ ดูตัวอย่างจากไอ้หัวหน้าแผนกเถอะ 5แสบแห่งโยธาน่ะ ไม่ธรรมดานะขอบอก

“แล้วมึงนึกสนุกอะไรของมึงเนี่ย เห็นไหมว่ามันทำลายข้าวของจนชิบหายหมดแล้ว” คริสบอกเสียงเข้ม

“ก็กูหมั่นไส้ ทั้งๆที่มันแทบจะขาดเขาไม่ได้ ยังทำเป็นเก๊กอีก เอาน่า มันก็แค่บททดสอบเล็กๆจากกู ถ้าพวกมันผ่านไปได้ รับรองว่ามันจะรักกันขึ้นอีกสามเท่าเลย ฮ่าๆๆ” ร่างบางหัวเราะเสียงเย็นจนอีกสามคนเสียวสันหลังวาบ ไอ้ลู่นี่เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ



จื่อเทาหงุดหงิด

หงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้เลยทำอะไรไม่ได้มากกว่า ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้แมร่งเละคาตีนเขาไปแล้ว แต่พอเป็น โอเซฮุน เขากลับไม่กล้าจะทำอะไรแม้แต่น้อย ไม่อยากเห็นอีกคนเจ็บตัวสักนิด ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ทำไมแค่ไม่ได้เห็นหน้ามันถึงหงุดหงิดขนาดนี้ว่ะเนี่ย

“แมร่งเอ้ย!!”

โครม !!!!



ร่วมกันไว้อาลัยให้แก่ โต๊ะ เก้าอี้ ขวด และต้นไม้บริเวณนั้นด้วยนะ อาเมน




...........................TBC.....................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น