วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Special ...TaoHun





ปัง!!

เสียงทุบโต๊ะทำให้มนุษย์เพศชายทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุ้ง

“อะ เอ่อ ซะ เซฮุน เองเหรอ นึกว่าใคร” คริสเอ่ยทักคนที่ยืนกอดอกมองพวกเขาอยู่ด้วยท่าทางหวาดกลัว ใช่ หวาดกลัวน่ะถูกแล้วเพราะตั้งแต่ ไอ้เทา หัวหน้าแผนกโยธาประกาศสละโสดด้วยการควงร่างโปร่งเข้ามา ทำให้คนทั้งแผนกต้องยอมรับเซฮุน ในฐานะ “เจ๊” แต่อย่าไปเรียกให้เจ้าตัวได้ยินนะไม่งั้น ตีนจะแนบปากเอาได้ ไอ้ลำพังแค่ตำแหน่ง เจ๊ของแผนกน่ะ มันไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่คนหล่อ ขอบอกเลยนะว่า เซฮุนนั้น “โหด” กว่าผัวมันอีกครับ เรียกได้ว่า ร่วมตีกับสถาบันอื่นกับพวกเขาตลอดและไม่ต้องพูดถึงสภาพของคนที่โดนหรอกนะ บอกได้คำเดียวว่าสยองมาก แต่คนที่โดน บ่อยสุดก็ ผัว มันนั่นแหล่ะครับ พูดก็พูดเถอะ ตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยเห็น จื่อเทา มันลงให้ใครเท่าคนนี้มาก่อน มันคงรักของมันจริงๆ ช่วงนี้หัวหน้าโยธา เลยเข้าสมาคม เกลียมัว ไปเรียบร้อยแล้ว

“อืม ” ร่างโปร่งบอกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของจื่อเทา

“ไอ้เหี้ยนั่นมันอยู่ไหน” ร่างโปร่งถามเสียงเรียบ แต่อีกสี่ชีวิตได้แต่ก้มหน้านิ่ง จะให้บอกได้ยังไง ว่าคุณหัวหน้าสุดโหด กำลังเต้นอยู่กับสาวสุดเอ็กซ์ที่เพิ่งสอยมาน่ะ เพราะถ้าเกิดบอกความจริงไปนะ พูดเลยว่า “เละ”

“ผมจะให้โอกาส พวกพี่อีกครั้งนะ จะบอกดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลัง”

“แหม เซฮุน ไอ้เรื่องแบบนี้ มันก็เป็นธรรมดาของผู้ชายหล่อๆอย่างเราไม่ใช่เหรอ อย่าคิดมากน่า” ลู่หานเอ่ยอย่างไม่กลัวตาย

“แปลว่า มันอยู่กับผู้หญิงสินะครับ” ร่างโปร่งแสยะยิ้ม

“ไอ้เหี้ยลู่ มันเอาอีกแล้ว แมร่งจะยุให้พวกมันตีกันไปถึงไหน ตีกันทีไร ไอ้เทามันก็แพ้ทุกที” ซิ่วหมิ่นกระซิบกับเฉินเสียงเบา

“เหอะ ความพินาศของชาวบ้าน คืองานของมัน มึงไม่รู้ไง” เฉินกระซิบตอบ



“แหม ไม่ว่าตอนนี้ มันจะอยู่กับใคร แต่สุดท้าย มันก็กลับไปตายรังอยู่ดีนั่นแหล่ะ จริงไหม” ลู่หานบอกด้วยรอยยิ้ม

“ครับ มันกลับไป ตาย แน่นอน หึ” เซฮุนบอกเสียงเย็นก่อนจะมองเข้าไปในกลุ่มคนที่เต้นอยู่ จากคำบอกเล่าของรุ่นพี่เป็นไปได้ว่า “มัน” ต้องอยู่ในนั้นแน่นอน



ร่างโปร่งค่อยๆยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น คนอย่าง โอเซฮุน ไม่จำเป็นต้องไปตบตีแย่งชิง “ผัว” กับใครหรอกเพราะอีกไม่เกินสามนาทีพวกมันต้องกลับมาให้เชือดแน่นอน

แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อร่างสูงของคนที่เซฮุนตามหา กำลังเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับสาวสวยสุดเซ็กซี่

หึ ตาถึงนิหว่า สวยซะด้วย ร่างโปร่งแสยะยิ้มอีกสี่หนุ่มที่เหลือได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว

“พวกพี่ ไม่ต้องบอกมันนะครับว่าผมมา ทำตัวให้เป็นปกติด้วยล่ะ” เสียงราบเรียบเอ่ยบอกก่อนที่ร่างโปร่งจะดินหลบไปอีกทาง



“เฮ้ย ไม่สนุกเหรอพี่ ทำไมทำหน้ากันแบบนั้น” ร่างสูงที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ชะตากำลังจะขาดเอ่ยถามพลางดึงให้ คู่ควงนั่งลงบนตัก

“จื่อเทา พี่ว่าขอเก้าอี้อีกตัวก็ได้นะ ให้น้องเขานั่งตักเดี๋ยวจะ “หนัก” นะ” เฉินเอ่ยเตือน

“ไม่หนักหรอกพี่ ฮโยริน น่ะ เบาจะตาย จริงไหมจ๊ะ เบบี๋” ร่างสูงบอกก่อนจะก้มลงไปนัวเนียกับสาวเจ้าต่อ

กูเตือนมึงแล้วนะไอ้เทา ว่าถ้าเกิดยังให้นั่งอยู่แบบนี้ กูว่ามึงโดน “หนัก” แน่ เฉินบอกในใจ



“ไอ้คริส กูว่าโทรเรียกรถพยาบาลมารอเลยไหม” ลู่หานหันไปกระซิบกับเพื่อน

“กูว่าแบบนี้ เรียกมูลนิธิมาเก็บศพเลยดีกว่า ดูท่าจะหนักมาก” คริสบอกก่อนจะสะกิดลู่หานให้มองหน้าเซฮุน ที่ยืนมองพวกเขาอยู่

“เออ กูเห็นด้วยว่ะ มึงอย่าลืมถามมันนะ ว่าจะให้สวดกี่วัน”

ทั้งสี่หนุ่มกำลังไว้อาลัยให้หัวหน้าแผนกอยู่ในใจ ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเพิ่งเกิด แต่มันเกิดมาหลายครั้งหลายคราว ก็พวกเขามันหนุ่มฮอตของสถาบัน แม้ว่าจะมีแฟนแล้วแต่ไอ้เรื่อง คนที่มันเข้ามาเนี่ย มันก็ยากจะปฏิเสธ จริงไหม



“นะ นี่ จื่อเทา มึงออกมาแบบนี้ มึงบอกเซฮุนว่าอะไรเหรอ” ซิ่วหมิ่นเอ่ยทำลายความเงียบ

“ก็บอกว่ามา ติวหนังสือกับพวกพี่ไง”

“แล้วมันก็เชื่อ” คริสเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ไม่รู้พี่แต่เห็นเข้านอนตั้งแต่สองทุ่มแล้ว สงสัยจะเชื่อมั้ง” ร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เมียมึงขี้หึง ขนาดนี้มึงยังกล้า หนีเที่ยวอีกนะ ไม่กลัวเซฮุน มาตามแหกอกหรือไง” ลู่ห่านเอ่ยถาม

“เงียบดิพี่ เมียผม มันของแรงนะ พูดถึงไม่ได้ เดี๋ยวแมร่งโผล่มา จะซวยกันเปล่าๆ”

ไม่ทันแล้วมึงเอ้ย ทั้งสี่โอดครวญในใจ



“อ้าว สวัสดีครับพี่ๆ มาเที่ยวกันเหรอครับ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นทำเอาร่างสูงถึงกับตัวแข็งทื่อ

เหี้ยแล้ว เมียมา

จื่อเทาได้มองรุ่นพี่อย่างขอให้ช่วย แต่ชั่วโมงนี้ตัวใครตัวมันแล้วกัน ว่ะ

“อะ อือ แล้วเซฮุนล่ะมาเที่ยวเหรอ” ซิ่วหมิ่นถาม เพื่อความเนียน

“ใช่พี่ พอดีว่าเบื่อ “แฟน” น่ะครับ แมร่งเจ้าชู้ชิบหาย ชอบแอบไปมีกิ๊ก ก็เลยออกมาเที่ยวซะหน่อย กะว่าจะมาหากิ๊กเอาข้างหน้าเหมือนกัน” ร่างโปร่งบอกเสียงเย็น

พลั่ก ตุ๊บ!!!

“โอ้ย จื่อเทาเป็นอะไรคะ ผลักฮโยริน ทำไม” เสียงแหลมปรี๊ดของหญิงสาวโววายขึ้นหลังจากที่ถูกจื่อเทาผลักลงจากตัก วินาทีนี้ไม่มีแล้วโว้ยคำว่าสุภาพบุรุษ อ้อ จริงๆก็ไม่เคยมีนี่หว่า ต้องเคลียร์กับเมียก่อน

“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ เซฮุน” ร่างสูงถามเสียงเข้ม

“อ้าว จื่อเทาก็มาด้วยเหรอ โทษทีนะ พอดีไม่ทันเห็น” เซฮุนบอกอย่างไม่ใส่ใจ





“เอ่อ โทษนะคะ ใช่ โอเซฮุน หรือเปล่าคะ” ฮโยริน ที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้ ส่งสายตายั่วอย่างเปิดเผยทำให้ เซฮุนแสะยิ้ม

“ใช่ครับ”

“แหมวันนี้ดีจังนะคะ ฮโยรินได้เจอคนดัง ของ SM อีกคนแล้ว” เธอบอกก่อนจะกระแซะเบียดกับร่างโปร่ง

“แต่วันนี้ คุณฮโยริน มากับ จื่อเทาไม่ใช่เหรอครับ” เซฮุนถามเสียงเรียบ

“เปล่าหรอกค่ะ พอดีว่าเจอกันที่หน้าร้านก็เลยมานั่งด้วย”

“อ้อ งั้นหรอกเหรอครับ” แม้จะใช้น้ำเสียงราบเรียบ แต่คนที่นั่งฟังได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น น้ำเสียงแบบนี้แหล่ะ ที่เป็นสัญญาณเตือนภัย หายนะแล้ว เว้ย

“ไม่คิดว่า หัวหน้าโยธา จะกินไม่เลือกขนาดนี้นะ” บอกพลางปรายตามองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เซฮุน กูว่ากลับกันดีกว่าเนาะ” จื่อเทาบอกเสียงเบา แม้จะไม่พอใจอยู่ลึกๆ ที่ร่างโปร่งไม่ขัดขืนฮโยริน แต่ว่าตอนนี้ ต้องปรับความเข้าใจก่อน

“เอ๋ ไหนบอกว่า จื่อเทากับเซฮุน ไม่ถูกกันไม่ใช่หรอคะ พูดอย่างกะอยู่บ้านเดียวกัน”



“กูว่าถ้าฮโยรินจะสงบปากสงบคำมากกว่านี้ จะดีกว่านะ” ซิ่วหมิ่นบอกกับเพื่อนเสียงเบา

“แบบนี้สิ ถึงจะสนุก กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้เทามันจะทำยังไง” เป็นลู่หานเจ้าเดิมที่กอดอกมองอย่างถูกใจ ละครฉากนี้มันเริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ



“นั่นสิครับ ผมกับเขาจะอยู่บ้านเดียวกันได้ยังไง ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย จริงไหม จื่อเทา”

“เซฮุน ไม่เอาน่ากลับกันเถอะนะ” จื่อเทายังคงตื้อ

“ฮโยรินครับ ผมว่าเราออกไปเต้นกันดีกว่า ดีไหม” เซฮุนเลือกที่จะสนใจกับสาวสวยมากกว่าร่างสูง จนหัวหน้าแผนกโยธา ต้องกำหมัดแน่น

“โอ เซ ฮุน กูบอกให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้!!!” จื่อเทาคำรามลั่นก่อนจะลากร่างโปร่งออกมาทันที



“พวกมึงว่า วันนี้ใครจะชนะ” คริสถามเพื่อนทันทีที่สองคนนั้นลากกันออกจากผับไป

“ไม่เห็นต้องคิด เซฮุน ชนะใสๆ มึงเคยเห็นไอ้เทา กล้าทำอะไรมันจริงๆ ไหมละ โถ่” ซิ่วหมิ่นบอก

“แต่มันก็ไม่แน่นะเว้ย บทลงโทษมันไม่ได้มีแค่ตบตีนะ” คริสบอกก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์

“แต่สุดท้าย คนที่ชนะก็คือ เซฮุนอยู่ดี พวกมึงพนันกับกูไหมล่ะ” ลู่หานจอมวางแผนบอกก่อนจะ วางเงินจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะ

“ได้ กูพนัน ข้างไอ้เทา” คริสบอกอย่างหมายมาด

“กูว่าไอ้คู่นี้แมร่งก็แปลกๆ” ซิ่วหมิ่นกระซิบ

“ช่างหัวพวกมันเถอะ แต่ตอนนี้ กูกำลังสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่อยู่รอบๆตัวมึงว่ะไอ้หมิ่น” เฉินบอกก่อนจะหลับตาบริกรรมคาถาไล่ผีต่อไป

จนคนแก้มป่องได้แต่แอบถอนใจ เพื่อนกู มันเต็มสักคนไหมว่ะเนี่ย















กลับมาที่คู่รัก ของเรากันดีกว่า ไม่รู้ว่าป่านนี้ ลากกันไปถึงดาวอังคารแล้วหรือยัง

ปัง!!!

ร่างสูงยัด เซฮุน ขึ้นบนรถก่อนจะขับออกมาจากผับด้วยความเร็ว ที่มันเกินกฎหมายกำหนดไปหลายขุม แต่อีกคนกลับไม่สะทกสะท้านสักนิด

“มึงเงีบให้ได้ตลอดนะ” จื่อเทาบอกเสียงเข้ม



“ลงมา” ร่างสูงบอกก่อนจะลากคนที่เงียบมาตลอดทางเข้าไปในห้องพักที่คุ้นเคย

“ไหนบอกมาสิ มึงเงียบทำไม” จื่อเทาถามเสียงเข้ม แต่กลับมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา

“กูถาม มึงไม่ได้ยินหรือไง มีอะไรก็พูดออกมาสิว่ะ เงียบแบบนี้ มันอึดอัดเข้าใจไหม” แต่คนที่เงียบอยู่ทำแค่ปรายตามองก่อนจะนั่งลงบนโซฟา

“โถ่เว้ย!!”

จื่อเทากำลังหัวเสีย และหงุดหงิดมาก ที่อีกคนไม่ยอมพูดจา เขาเป็นคนใจร้อน ใครก็ตามที่ขัดใจเขามักจะจบไม่สวยนัก แต่มันไม่ใช่กับ โอเซฮุน คนๆนี้ไม่เคยกลัวเขาเลยสักนิด และก็มีแค่คนๆนี้ คนเดียวที่เขายอมอ่อนข้อให้ แต่บางครั้ง มันก็เหนื่อย



“เซฮุน กูขอร้องล่ะ พูดอะไรออกมาบ้างได้ไหม” จื่อเทาบอกเสียงเบา

“มึงไม่อึดอัดบ้างเหรอ เวลาทะเลาะกันทุกครั้งก็ต้องมานั่งเงียบแบบนี้ มึงไม่เหนื่อยหรือไง ”

“จะให้กูพูดอะไร” คนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น ถึงมันจะเป็นประโคสั้นๆ แต่จื่อเทาก็ยิ้มออก

“ก็มึงโกรธกูเรื่องอะไรล่ะ”

“สัด นี่มึงไม่รู้เลยหรือไงว่าทำอะไรผิด มึงหลอกกูว่าไปติวหนังสือ แต่แอบไปหากิ๊กเนี่ยนะ ” ร่างโปรงแหวลั่น

“แหม ก็มันก็ต้องมีบ้าง นิดๆหน่อยตามประสาคนหล่อไง” จื่อเทาแก้ตัวเสียงเบา

“ดี ถ้างั้นกูจะมีบ้าง เอาให้สวยกว่าของมึงเลย”

“หยุดเลย ห้ามคิดเด็ดขาด กูไม่ให้มึงมีหรอก!!”

“ทำไมกูจะมีไม่ได้ มึงยังมีได้เลย”

“ก็กูหวงของกูอ่ะ มึงเป็นเมียกูนะ กูไม่ยอมให้ใครมาเตะเนื้อต้องตัวมึงหรอก!!” ร่างสูงบอกก่อนจะกอดอีกคนไว้แน่น

“แล้วมึงคิดว่ากูหวงมึงไหมห่ะ ไอ้ที่ไปยอมให้ยัย ฮโยรินอะไรนั่น นั่งตักจนแทบจะสิงร่างกันอยู่แบบนั้นมึงคิดว่า กูดีใจมากหรือไง!!!”

“ง่ะ เมียจ๋า เค้าผิดไปแล้ว เค้าขอโทษน๊า เมียจ๋าอย่าโกรธนะ เค้าสัญญาเลย ว่าจะไม่ทำอีกแล้วน๊า นะๆ” ร่างสูงอ้อนพลางถูแก้มกับไหล่มน

“เหอะ อย่าให้กูรู้นะว่ามึงโกหก กูไม่เอามึงไว้แน่!!”

“ครับผม!!!” ร่างสูงบอก ก่อนจะกอดคนรักแน่นกว่าเดิม



“ปล่อยได้ยัง กูง่วง”

“ยัง นอนไม่ได้หรอกที่รัก เพราะ บางอย่างมันตื่นแล้ว ครึๆ” ร่างสูงบอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไอ้เหี้ย หื่นตลอดนะมึง!!”

“ผัวก็หื่นกับเมียคนเดียวนี่แหล่ะจ๊ะ มามะๆ คืนนี้ เสร็จแน่ หึๆ”



………………..END……………………

SF TaoHun END



ร่างสูงเท้าแขนมองคนหลับก่อนจะยกยิ้มกว้าง ไม่เคยรู้เลยว่าการตื่นมาแล้วมีคนอีกคนนอนอยู่ข้างๆมันจะมีความสุขขนาดนี้ เมื่อก่อนเขาพยายามหาเหตุผลตั้งมากมาย เพื่อที่จะหาคำตอบว่า ทำไม เขาถึงเป็นห่วง อยากอยู่ใกล้ แล้วก็มีความสุขตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เซฮุน แต่มันก็ไม่เคยใช่คำตอบที่แท้จริงเลย ทั้งที่พยายามขนาดนั้น แต่เหตุผลจริงๆ กลับอยู่แค่เอื้อม ที่เขาเป็นห่วง ที่เขาอยากอยู่ใกล้ ที่เขามีความสุข เพราะว่า เขา “รัก” เซฮุน

“อื้อ” ร่างโปร่งครางหือ ก่อนที่เปลือกตาสวยจะค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ ผ้าห่มที่เคยปิดร่างกายตอนนี้ร่นไปจนเกือบถึงเอวขอด ทำเอาคนมองแทบกลั้นใจตาย

ยั่วเกินไปแล้วเมียกู



“ตื่นแล้วเหรอ จ๊ะ เมียจ๋า” ร่างสูงเอ่ยทัก

“ใครเมียมึง”

“ก็มึงไงครับที่รัก แหม ไม่ต้องมาทำเป็นลืมนะ เมื่อคืน กูกับมึง ไม่ได้เมา บอกเลยกูจำได้ด้วยซ้ำว่าเราทำท่าไหนกันบ้าง ” ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะได้ฝ่ามืองามๆของเมียรักพาดเข้าที่หน้าผาก

“ไอ้เหี้ย ทะลึ่งนะมึง”

“งอนเหรอ ง่ะ เค้าทำอะไรให้ตะเองไม่พอใจหรือเปล่า ก็ไม่นะ เมื่อคืนตะเอง ครางดังขนาดนั้น แปลว่าตะเองชอบ ชิมิๆ”

“ไอ้เหี้ยเทา อย่าพูดแบบนี้กูขนลุกสัด” เซฮุนแหวลั่น

“เออ แมร่ง กะจะโรแมนติกสักหน่อย เสียเลยกู” ร่างสูงบ่นอุบ

“หลบสิ กูจะไปอาบน้ำ แมร่งเหนียวตัวชิบหาย”

โห เมียกู แมนได้อีก แมนได้โล่ แมร่งจะแมนไปไหน อ่อนหวานหน่อยก็ได้มั้ง ผัวจะได้ชื่นใจ

“ยังๆ มึงยังไปไม่ได้ มึงต้องตกลงกับกูก่อน” ร่างสูงคว้าเอวขอดไว้แน่น

“ตกลงอะไร”

“ก็ตกลงเป็นแฟนกูไง”

“ทำไมกูต้องตกลงเป็นแฟนมึงด้วย”

“เพราะว่า กูรักมึง” ร่างสูงบอกเสียงเข้ม สีหน้าจริงจังที่เซฮุนไม่ค่อยได้เห็นมันชวนให้เขินแปลกๆ

“มึงรู้ได้ยังไง ว่ามึงรักกู มึงเอาอะไรมาวัด”

“ความพยายามไง เวลาที่กูอยู่กับมึง กูไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องทำตัวเข้มแข็ง ไม่ต้องเก๊กเป็นสุภาพบุรุษ อยู่กับมึงกูปัญญาอ่อนได้ แล้วที่สำคัญกูถ่อยใส่มึงได้โดยที่มึงไม่โกรธกู”

“ไอ้เหี้ย เนี่ยนะรัก ไอ้การที่มาทำถ่อยๆใส่กูเนี่ยนะ”

“กูไม่ใช่คนโรแมนติก ไม่ใช่ผู้ชายแสนดี แต่กูรักมึงนะ มึงเป็นคนเดียวที่กูอยากอยู่ใกล้ เป็นคนเดียวที่กูอยู่ด้วยแล้วสบายใจ มึงคือคนที่กูตามหามาตลอดมึงรู้ตัวไหม กูรักมึงเหี้ยๆเลยว่ะ ” ร่างสูงบอกก่อนจะสวมกอดอีกคนแน่น

“แล้วมึง ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันแปลก กูกับมึงเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ”

“ไม่หรอก หรือต่อให้ใครมองว่าแปลกมันก็เป็นเรื่องของเขา เราบังคับมันไม่ได้นิหว่าไอ้ความรักเนี่ย แล้วมึงล่ะ รักกูบ้างไหม”

“มึงถามกู ตอนที่นอนแก้ผ้าอยู่ด้วยกันเนี่ยนะ ไอ้เหี้ย กูก็ไม่เคยคิดหรอกว่าจะต้องมานอนให้ผู้ชายเหมือนกันกอดอยู่แบบนี้ แต่จะทำไงได้ว่ะ กูรักมึงไปแล้วนิ รักที่มึงเหี้ยๆ ถ่อยๆ แบบนี้แหล่ะ” ร่างโปร่งบอกด้วยสีหน้าจริงจัง



“คืออย่างนี้นะเมียจ๋า เมียจ๋าอย่าไปทำหน้าแบบนี้ที่ไหนนะ เพราะผัวจ๋า จิไม่ทน” จื่อเทาบอกก่อนจะซุกไซร้ซอกคอของคนในอ้อมกอดทันที

“ไอ้เหี้ยเทา ปล่อยนะโว้ยกูจะไปอาบน้ำ”

“ไม่ต้องอาบหรอกจ๊ะ ยังไงวันนี้ก็วันเสาร์ เอาไว้อาบวันจันทร์ทีเดียวเลย ดีกว่า ฮ่าๆๆ” ร่างสูงหัวเราะก่อนจะคร่อมอีกคนทันที ..



ความรักของพวกเขา เริ่มขึ้นจาก “ความผิดพลาด” แต่จบลงด้วยความเข้าใจ แล้วความรักของคุณล่ะ เริ่มขึ้นแบบไหนกัน…



………………….END……………………………….






SF TaoHun 8



ร่างสูงของจื่อเทาเดินไปตามถนนสายเดิมอย่างเบื่อหน่าย การไม่ได้เจอหน้าคนบางคนมาตลอดอาทิตย์ยิ่งทำให้หน้าที่ดูน่ากลัวอยู่แล้วยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก จนคนที่เดินผ่านไปมาได้แต่แหวกทางให้เดินกันเป็นแถว แค่ลำพังเสื้อที่ใส่ก็บอกยี่ห้อแล้วว่ามาจากที่ไหน มีแค่คนไม่กลัวตายเท่านั้นแหล่ะที่จะกล้าเข้าใกล้



“เฮ้ย ไอ้น้อง” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นก่อนที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งจะเดินออกมาจากซอย จื่อเทาแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็อยู่ใน ยูนิฟอร์มคล้ายๆเขา ต่างกันก็แค่สีเสื้อแล้วก็ชื่อสถาบัน

หึ ก็ดีช่วงนี้แมร่งหงุดหงิด กำลังหาที่ระบาย

“ได้ข่าวว่ามึงน่ะ เจ๋งมากใช่ไหม ว่ะ” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าตะโกนถาม

“หึ ไม่รู้สิว่ะ อืม แต่กูคิดว่าตัวเองคงจะเก่งเพราะไม่งั้นพวกมึงคงไม่กลัวกูจนยกพวกมาเยอะขนาดนี้หรอก” จือเทาบอกก่อนจะปรายตามองคนร่วมยี่สิบคนที่ล้อมเขาอยู่

“ปากดีนักนะ มึงนะ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่า ฮวาง จื่อเทา ของ สถาบัน SM น่ะมันจะเก่งสักแค่ไหน”

“หึ แล้วมึงรออะไรล่ะ”

ไม่พูดเปล่า แต่ประเคนฝ่าเท้าเข้าที่กลางอกของคนที่อยู่ใกล้ที่สุดไปด้วย

“เหี้ย อย่าอยู่เลยมึง”







“เฮ้อ ไอ้เซฮุนสมองปลาทองจริงมึง” ร่างโปร่งอยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆสักล้านครั้งดันลืมสมุดการบ้านไว้ที่โรงเรียนซะได้ เฮ้อ

“เธอๆ ข้างหน้าเด็กช่างกลตีกัน อย่าเพิ่งไปเลยนะเดี๋ยวจะโดนลูกหลง” เสียงของผู้หญิงที่ยืนคุยกันอยู่ข้างๆดังขึ้น เซฮุนปรายตามองก่อนจะยืนรอรถเมล์ต่อเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา ถึงเขาจะเป็นเด็กช่างแต่ก็ใช่ว่าจะตีกับใครไปทั่วนะ

“นี่ๆ ยี่สิบรุมหนึ่งเชียวนะ ฝ่ายที่โดนรุมน่ะ ใส่เสื้อเหมือนของน้องคนนี้เลย” ผู้หญิงคนนั้นบอกก่อนจะชี้มาที่เขา เซฮุนเริ่มเอะใจนิดๆ ถ้าใส่เสื้อเหมือนเขาก็แปลว่าเป็นคนในสถาบันสินะ เหอะ แบบนี้ คงต้องยุ่งหน่อย เพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่

ร่างโปร่งวิ่งไปตามทางก่อนจะพบเข้ากับกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอลกันอยู่ พลางสอดส่ายสายตาหาคนสถาบันเดียวกัน

“ไอ้โยธา!!!” เซฮุนตะโกนลั่น เมื่อเห็นชัดว่าไอ้คนที่มันกำลังสู้กับคนยี่สิบคนอยู่เนี่ย คือคู่อริของตัวเอง

สัดเอ้ย แมร่งโง่หรือโง่ว่ะ ถึงจะเก่งแค่ไหนแต่มันจะไปสู้คนยี่สิบคนแถมอาวุธครบมือได้ยังไง

พลั๊ก!!

เท้าของร่างโปร่งถีบเข้ากลางหลังของคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนที่มันจะถลาไปไกล

“เหี้ยใครถีบกูว่ะ” คนที่ถูกถีบสบถลั่น

“กูเอง” เซฮุนบอกเสียงเข้ม ก่อนที่ทุกสายตาจะหยุดมองที่คนมาใหม่

“ไอ้หัวสี!!” คนที่กำลังสู้อยู่ตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็นใคร

“มึงมาทำไม กลับไปเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวแมร่งก็โดนหรอก” จื่อเทาตะโกนบอก

“กูไม่กลับ กูก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ เรื่องอะไรกูจะกลับ ตัวไหนแน่จริงก็เข้ามา!!” ร่างเพรียวตะโกนลั่น ก่อนที่ความวุ่นวายจะเริ่มต้นอีกครั้ง แม้จะมั่นใจว่า เซฮุน เก่งพอตัวแต่จื่อเทาก็อดห่วงไม่ได้ ลำพังให้เขาสู้กับพวกมันคนเดียวยังจะดีซะกว่า

พลั๊ก!!

หมัดปริศนากระแทกเข้าที่มุมปากของร่างโปร่งจนได้เลือด แต่คนที่โมโหกลับเป็นจื่อเทา

“ไอ้เห้ย มึงต่อยเมียกูเหรอสัด!!” จื่อเทาที่เลือดขึ้นหน้ากระโดดถีบคนต่อย จนเซไปหลายเมตร ก่อนจะเข้าไปช่วยคนที่เหมือนจะเสียท่าไว้

“เหี้ย กูไหวน่ามึงจะมาทำไมเนี่ย”

“ไหวเหี้ยไร ปากแตกแล้วเห็นไหม ทำไมชอบทำให้กูเป็นห่วงจังห่ะ” แม้ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ยังเถียงกันได้ เพลียกับพวกมันเหลือเกิน

“เฮ้ย จะห่วงใยกันอีกนานไหม ถ้าห่วงกันนักก็ไปห่วงกันในนรกด้วยกันเลยไหม” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นก่อนที่สปาตาร์จะถูกงัดออกมาโชว์

“ไอ้เหี้ย เล่นของแบบนี้ ลูกหมานิสัด” จื่อเทาตะคอก

“กูไม่สน วันนี้ กูจะเอาเลือดพวกมึงมาล้างตีนกู” ร่างนั้นเงื้อดาบขึ้นหวังจะฟันคู่อริ แต่….

หว๋อๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไอ้เหี้ย พ่อมึงมาเผ่นสิว่ะ” เมื่อได้ยินเสียงรถตำรวจทั้งหมดก็ เหมือนมดแตกรัง จื่อเทารีบคว้าร่างโปร่งวิ่งออกจากซอยทันที

“แถวนี้บ้านมึงนิ งั้นไปห้องมึงแล้วกัน” ร่างสูงพูดเองสรุปเองเสร็จก่อนจะลากอีกคนไปตามทางที่คุ้นเคย





“โอ้ย เหนื่อยชะมัด” ร่าโปร่งสบถลั่นก่อนจะกระแทกตัวลงบนโซฟา

“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกูทำแผลให้” ร่างสูงยื่นผ้าขนหนูให้ก่อนจะมองด้วยแววตาห่วงใย

มันจะมาไม้ไหนของมันว่ะไอ้เหี้ยนี่

“ไม่เป็นไรหรอกแผลแค่นี้เอง ไกลหัวใจ” เซฮุนเอ่ยติดตลก

“กูไม่ขำ บอกว่าไปอาบน้ำแล้ว กูจะทำแผลให้ ลุกเดี๋ยวนี้” เสียงสั่งเฉียบขาดทำให้เซฮุนลุกไปอาบน้ำอย่างเสียไม่ได้ แม้ว่าจะยัง งงๆกับท่าทีของอีกฝ่ายอยู่ก็ตาม



จื่อเทามองไปรอบๆห้องที่ไม่ได้มาเกือบสองอาทิตย์ก่อนจะถอนหายใจอย่างแรง ตอนที่ตีกับพวกนั้นแค่เห็นร่างโปร่งวิ่งเข้ามาหัวใจมันก็หล่นไปถึงตาตุ่ม กลัว กลัวว่าอีกคนจะบาดเจ็บ ลำพังตัวเองน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่เขาไม่อยากเห็นคนๆนี้ต้องเจ็บตัวเลย







“เอ๋า มึงน่ะก็ไปอาบน้ำซะสิ” ผ้าขนหนูที่เคยใช้เป็นประจำเวลาที่มาถูกโยนมาให้ ก่อนที่ร่างโปร่งจะนั่งลงข้างๆ

“ไปอาบน้ำสิ สภาพมึงนี่แทบดูไม่ได้เลย แล้วไม่ต้องคิดจะทำแผลให้กูนะ สภาพนี้แผลกูจะติดเชื้อหนักกว่าเดิมซะมากกว่า” เซฮุนบ่น

“อ้อ เสื้อผ้ามึง อยู่ในตู้นะ หาเอาเอง กูไม่เซอร์วิส มึงขนาดนั้นนะเว้ย” ร่างโปร่งตะโกนตามหลังคนที่เข้าห้องน้ำไป



ภาพของร่างสูงที่เข้ามาช่วยตอนที่เขากำลังจะถูกต่อยแวบเข้ามาในสมองจนแทบจะเผลอยิ้ม

เหี้ย คิดว่าเท่ห์หรืองไงว่ะที่ทำแบบนั้น แต่ว่า มึงก็เท่ห์ จริงๆนะแหล่ะ

ห๊ะ ไอ้ฮุน เอาอีกแล้วๆ คิดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้วนะมึง



จื่อเทาอมยิ้มเมื่ออกมาจากห้องน้ำแล้วเจอร่างโปร่งทำท่าทางตลกๆอยู่บนโซฟา คนบ้าอะไรว่ะ เขกหัวตัวเองเล่น มีเมียเป็นคนบ้าแล้วมั้งกู แต่ว่า มันเป็นคนบ้าที่น่ารัก เนาะ



ห๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้กูคิดอะไรว่ะ กูคิดอาร๊ายยยยยยยย น่ารัก น่ารักเหรอ





“อะ เอ่อเดี๋ยวกูทำแผลให้นะ” จื่อเทาตะโกนบอกก่อนจะถือกล่องปฐมพยาบาลมาวางลงข้างร่างโปร่ง

“อืม” เซฮุนพยักหน้า

สำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ค่อยๆเช็ดลงบนแผลของอีกคนอย่างแผ่วเบา มันเบาจนเซฮุนต้องเงยหน้าขึ้นมามองให้แน่ใจว่าไอ้คนที่ทำแผลให้เขาอยู่ตอนนี้คือ ไอ้หัวหน้าโยธานั่นจริงๆเหรอ

“แสบเหรอ” เสียงท้มที่เจือแววห่วงใยเอ่ยถาม

“ปะ เปล่า” เซฮุนตอบเสียงเบาก่อนจะก้มหน้าเพื่อหลบตา

“เดี๋ยวกูเป่าให้นะจะได้ไม่แสบไง”

ร่างสูงไม่พูดเปล่าแต่กลับก้มลงไปเป่าแผลให้อีกคนอย่างแผ่วเบา

ตึกๆๆๆ

เซฮุน คิดว่าตัวเองกำลังจะหัวใจวายตาย เพราะตอนนี้หัวใจของเขามันเต้นแรงมาก มากจนมันแทบจะกระเด็นออกมานอกตัว

“ที่กูจะบอกก็คือ ไอ้การนอนด้วยกันมันอาจจะไม่ทำให้รักกันก็จริง แต่เรื่องราวหลังจากนั้นต่างหากที่จะทำให้มึงรัก มึงอยู่กับมันมาเกือบเดือนเนี่ย ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงว่ะ”

คำพูดของเพื่อนตัวเล็กดังขึ้นในหัวก่อนที่เซฮุนจะเงยหน้ามองร่างสูงที่กำลังทำแผลให้

นี่กู “คิด” อะไรกับมึงจริงๆ เหรอว่ะ

“นี่มึงไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าแดงๆ” ร่างสูงเอ่ยถาม

“ปะ เปล่า มะ ไม่ได้เป็นอะไร” เซฮุนตอบ จะบอกได้ไงเล่าว่าอาย คนตรงหน้า บอกไปก็เสียฟอร์มแย่สิ

“ไม่เป็นอะไร หน้าแดงขนาดนี้ ไหนวัดไข้สิ” ร่างสูงบอกก่อนจะเอาหน้าผากของตัวเองทาบหน้าผากของร่างโปร่ง



เหี้ย บ้านมึงเขาวัดไข้กันแบบนี้เหรอ เซฮุนทำได้แค่ด่าในใจ

“ไม่มีไข้ จริงๆ ด้วย งั้นที่มึงหน้าแดง เพราะเขินกูอ่ะดิ”

“ใครเขินมึง สัด เอาหน้าออกไปห่างๆเลยนะ” เซฮุนแหวลั่น ก่อนจะพยายามผลักอีกฝ่ายออกให้พ้นตัว

“ชู่ว์ ฟังสิ หัวใจมึงเต้นใหญ่เลย” ร่างสูงบอก ทั้งที่ๆหน้าผากของทั้งคู่ยังแนบกันอยู่

“ไอ้เห้ย หัวใจไม่เต้น กูก็ตายดิ”

“ใช่ที่ไหนเล่า มึงฟังดีๆสิ หัวใจมึงกับหัวใจกูน่ะ มันเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน” จื่อเทาบอกก่อนจะจับมือเรียวทาบบนหน้าอกซ้ายของตัวเอง

“มึงได้ยินไหม”

เซฮุนอยากจะบ้า บรรยากาศ สีชมพูอมม่วงนี่มันอะไรกัน ไอ้บ้านี่โดนต่อยจนสมองกระทบกระเทือนหรือไง ถึงได้มาหวานใส่เขาขนาดนี้เนี้ย

กูเขินจะตายอยู่แล้วนะสัด

“เซฮุน”



“หืม” ร่างโปร่งขานรับก่อนที่จะต้องเบิกตาโพลงเมื่อริมฝีปากของอีกคนกำลังทาบทับลงมาอย่างช้าๆ รสจูบที่ไม่เร่งเร้าแต่อ่อนโยนทำให้คนถูกจูบถึงกับเคลิ้มไหว มันไม่ใช่การจูบแบบตักตวงความสุขคนเดียวเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ร่างโปร่งรับรู้ว่าอีกคนกำลังมอบความสุขให้เขาอยู่เช่นกัน มันอ่อนโยน เนิบนาบและเว้าวอนอยู่ในที เรียวลิ้นช่ำชองกวาดต้อนให้เจาจนมุม เผลอไผลไปกับความหวานตรงหน้าอย่างห้ามไม่อยู่




,..............................TBC.............................

SF TaoHun 7



พลั๊ก!!

ตุ๊บ

โอ้ย!!!

เท้างามๆของร่างโปร่งบรรจงถีบเข้าที่ท้องของร่างสูงอย่างแม่นยำจนอีกคนตกจากโซฟามานอนโอดโอยบนพื้นห้อง

“เหี้ย มึงถีบกูทำไมเนี่ย” ร่างสูงโวยวาย ก่อนจะตะเกียดตะกายขึ้นมานั่งบนโซฟา

“แล้วมึงพูดเหี้ยอะไรล่ะ สัด” จื่อเทาอมยิ้ม ไม่ใช่ดีใจที่โดนด่าหรอก แต่ไอ้แก้มแดงๆของคนตรงหน้าต่างหากที่ทำให้ยิ้ม อายนี่หว่า ไอ้หัวสี มันอายเว้ย อย่างนี้ต้องแกล้ง

“ก็พูดว่า คืนนี้กูกับมึง จะ คริๆๆ ครุๆๆ กันไงว่ะ”

“เหี้ยฝันไปเถอะมึง คิดจะเคลมกูรอชาติหน้าเถอะ”

“ไม่ต้องรอหรอก อย่าลืมสิ ว่ากู ได้มึงแล้วนะ ว่ะฮ่าๆๆ” ร่างสูงหัวเราะร่วน ก่อนที่เท้าของร่างโปร่งจะแหวกอากาศมาอีกครั้ง

หมับ มือหนาจับข้อเท้าอีกคนไว้แน่น

“เหี้ยปล่อยสิว่ะ ปล่อย” ร่างโปร่งดิ้นทั้งที่ยืนขาเดียวมือเรียวเกาะพนังห้องเพื่อพยุงตัว แต่ร่างสูงกลับ นิ่ง นิ่งจนอีกคนเริ่มสงสัย

“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย”

“คือว่าเอ่อ..” จื่อเทาตะกุกตะกัก จะให้ตอบยังไงว่า กำลังอึ้งอยู่ ก็ไอ้บ้านี่มันดันใส่กางเกงบอล แล้วกางเกงบอลขากางเกงกว้าง พอมันยกขาขึ้นมันก็เลย เห็น ไปถึงไหน ต่อไหน…

“มึงนี่ขาวทั้งตัวเลยเนาะ” ร่างสูงบอกเสียงเบา

“ไอ้เหี้ย” ร่างโปร่งอาศัยจังหวะเผลอสะบัดเท้าออกจากมือหนาพร้อมๆกับถีบเข้าที่ยอดอกอีกคน ก่อนจะวิ่งออกไปที่ระเบียง



“แมร่ง ไอ้เหี้ยนั่น มันๆๆ เว้ย กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนว่ะ” เซฮุนโอดครวญก่อนจะขยี้หัวตัวเองเพื่อระบายความเครียด



“แมร่งถ้ารู้ว่าเนียนทั้งตัวขนาดนี้ กูไม่น่าปล่อยมันเลยว่ะ ว่ะฮ่าๆ” ร่างสูงยกยิ้มพลางมองอีกคนที่ยืนบ่นที่ระเบียง ไม่รู้หรอว่าไอ้ที่พวกพี่ๆบอกน่ะมันจริงเท็จแค่ไหน แต่ตอนนี้ แค่รู้สึกมีความสุข มีความสุขมากๆที่ได้อยู่ใกล้ๆมัน เอาเป็นว่า ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไร รู้แค่อยู่กับไอ้หัวสีนี่ สนุกดี





เซฮุนอยากจะบ้า

หลังจากที่เมื่อคืนร่างสูงไปนอนที่ห้อง พอตื่นเช้าแทนที่มันจะกลับบ้านแต่ดันลากเขามาโรงเรียนพร้อมกัน โอเค มันไม่แปลกเพราะ เขากับไอ้เหี้ยนี่มาโรงเรียนพร้อมกันได้เป็นอาทิตย์แล้ว แต่ มันแปลกกว่าทุกวันคือ ไอ้เหี้ยนี่มันเดินจับมือเขาเข้าสถาบัน แมร่ง มีแค่คนตาบอดเท่านั้นแหละว่ะที่จะไม่มอง อยากจะบ้าตาย ไม่ใช่ไม่พยายามแกะแต่มันแกะไม่ออก ไม่รู้ว่าแรงคนหรือแรงควายมันถึงได้ติดแน่นยิ่งกวาทากาวตาช้าง



“เฮ้ยๆ ก้าวหน้านี่หว่า หัวหน้าฮ่าๆๆ” รุ่นพี่หน้าสวยที่เป็นหนึ่งใน 5 สิงห์จุฑาเทพ เอ่อ หมายถึง 5 แสบโยธา เอ่ยทัก

แต่กูว่าแมร่งแซวกูมากกว่า จากสายตาวิบวับนั่นก็รู้แล้ว

“นิดหน่อยว่ะพี่” ร่างสูงตอบ

“นี่เซฮุนสินะ พี่ชื่อลู่ห่าน เรียกพี่ลู่ก็ได้ ต่อไปคงเรียกเซฮุนเฉยๆไม่ได้แล้ว คงต้องเรียก เจ๊ สินะ ฮ่าๆๆ”

“เจ๊พ่องสิ!!” ร่างเพรียวแหวลั่น

“เซฮุนพี่ลู่เป็นรุ่นพี่กูนะ พูดจาให้มันดีๆหน่อย” ร่างสูงบอกเสียงเข้ม

“รุ่นพี่มึง แต่ไม่ใช่รุ้นพี่กู ปล่อย กูจะไปเรียน” ร่างเพรียวบอกก่อนจะเดินออกมาทันที

เซฮุนกำลังโกรธ โกรธมากที่ไอ้เหี้ยนั่นมันบังอาจเล่าเรื่อง น่าอายพวกนั้นให้รุ่นพี่มันฟัง เท่าที่สังเกต ไอ้รุ่นพี่คนนั้นต้องรู้ทุกอย่างแน่นอน มันถึงได้จงใจพูดกับเขาแบบนั้น

เหี้ยเอ้ย แล้วกูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนว่ะ



“นี่ มึงเป็นเหี้ยอะไรอีกว่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนที่มือหนาจะคว้าข้อมือของอีกคนไว้

“กูไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยคนมอง”

“ก็ปล่อยแมร่งมองไปสิ มึงต้องบอกกูมาก่อนมาว่าเป็นอะไร” จื่อเทาสั่งเสียงเข้ม

“แล้วมึงล่ะ มึงทำอะไร มึงเล่าเรื่องพวกนั้นให้รุ่นพี่มึงฟังใช่ไหม คงสะใจมากละสิที่แก้แค้นกูได้” เซฮุนแหวลั่น

“นี่มึงฟังกูก่อนได้ไหมเนี่ย มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ”

“กูคิดอะไร มึงรู้หรือไงว่ากูคิดอะไร ปล่อยกูแล้วไม่ต้องเสือกเสนอหน้ามาให้กูเห็นอีกนะ ไม่งั้นกูกระทืบมึงจมดินแน่” ร่างโปร่งบอกก่อนจะเดินเข้าแผนกไป แต่มีเหรออีกคนจะยอม

“ทำไม การที่ใครๆเขารู้ว่ามึงเป็นเมียกู มันน่าอายนักหรือไง” จื่อเทาบอกเสียงลอดไรฟัน

“เหอะ กูเคยบอกมึงไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่านั่น คือสิ่งที่กูเสียใจที่สุดในชีวิต”

“ก็ดี เพราะกูก็ไม่ได้ดีใจนักหรอก หึ” ร่างสูงบอกก่อนจะหันหลังเดินออกไป



“เซฮุน” แบคฮยอนและคยองซูที่ยืนมองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นเดินเข้ามาหาเพื่อน หลังจากที่ร่างสูงกลับไปแล้ว

“อ้าว หมาน้อย คยองซู เอาขนมมาให้กูเหรอ” เซฮุนยิ้มให้เพื่อน แต่เป็นยิ้มที่เพื่อนตัวเล็กเห็นแล้วแทบจะร้องไห้ ทำไมยิ้มมันเศร้าแบบนั้นว่ะ

“มานี่เลย มาคุยกับกูสิ” แบคฮยอนลากเพื่อนออกไปคุยที่สวนของโรงเรียนทันที ไม่รงไม่เรียนมันแล้วยังไงวันนี้เขาต้องรู้เรื่องให้ได้



“มึงลากกูมาทำไมไอ้หมาน้อย”

“เซฮุน ทะเลาะกับจื่อเทาเรื่องอะไรเหรอ” คนถูกถามไม่ได้ตอบ แต่กลับเป็นคยองซูที่ถามขึ้นแทน

“เรากับไอ้เหี้ยนั่นก็ทะเลาะกันทุกวันอยู่แล้วน่าคยองซู อย่าลืมสิว่าเรากับมันไม่ถูกกันนะ”

“เหอะ มึงคิดว่าพวกกูโง่หรือไงไอ้หัวสี กูมีตานะโว้ย เห็นอยู่ชัดว่าพวกมึงไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด กูคงไม่โงคิดว่าพวกมึงยังตีกันอยู่หรอก” แบคฮยอนโพล่งขึ้น

“มันไม่มีอะไรหรอกน่า”

“เลี่ยง เลี่ยงอีกแล้ว ทำไมมึงเป็นอะไรถึงไม่บอกกูว่ะ พวกกูเป็นห่วงมึงนะเนี่ย” แบคฮยอนแหวลั่น

“ใช่ เซฮุนจะทะเลาะกับจื่อเทา ต้องมีเหตุผลสิ วันนั้นเราก็เห็นว่ารักกันดีนี่นา”

“รัก เรากับไอ้นั่น ไปรักกันตอนไหน คยองซู”

“อ้าว เซฮุนกับจื่อเทาไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกเหรอ” คยองซูเอียงคอถามอย่างสงสัย

“บ้าน่า เรากับมันไปเป็นแฟนกันตอนไหน”

“จะเป็นไปได้ยังไง เซฮุนไม่รู้เหรอ ว่าแววตาที่จื่อเทามองเซฮุนน่ะมันเป็นแบบไหน แม้แต่แววตาของเซฮุนมองจื่อเทาก็ด้วย มันเป็นแววตาของคนรักกันชัดๆ” คยองซูบอกโดยมีแบคฮยอนพยักหน้ารับ

“ใช่ พวกกูเป็นคนนอกพวกกูยังมองออกเลย ทำไมมึงถึงยังไม่รู้ตัวว่ะ”

“จะเป็นไปได้ยังไง นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียว มันไม่ทำให้รักกันขึ้นมาหรอกน่า” เซฮุนสบถเบาๆ แต่มีหรือจะหลุดลอดจากหูเทพของแบคฮยอนไปได้

“ห่ะ มึงว่าอะไรนะ” แบคฮยอนตะโกนลั่น ส่วนคยองซูยืนม้วนเป็นกุ้งเพราะความอาย

“ไอ้เซฮุนนี่มึง”

“เออ อย่างที่มึงคิด แต่ตอนนั้นกูแมร่งเมานิหว่า” เซฮุนบอกอย่างเสียไม่ได้

“มึงไม่รู้อะไร ไอ้สำลีน่ะ มันจับคยองซูน้อยของเรากดก่อนจะบอกรักอีกนะเว้ย”

“ส่วนมึง ก็คงปล้ำไอ้หยอยตั้งแต่วันแรกที่เจอสินะ”

“มันใช่เวลามาพูดเล่นไหมเนี่ย” แบคฮยอนแหวลั่น

“ที่กูจะบอกก็คือ ไอ้การนอนด้วยกันมันอาจจะไม่ทำให้รักกันก็จริง แต่เรื่องราวหลังจากนั้นต่างหากที่จะทำให้มึงรัก มึงอยู่กับมันมาเกือบเดือนเนี่ย ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงว่ะ”

“รู้สึกเหรอ” เซฮุนมองหน้าเพื่อนก่อนจะเลิกคิ้วถาม

“เอาเถอะ มึงยังไม่รู้ตัวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันหายไปมึงจะรู้เองแหล่ะ ไปเถอะ คยองซูเราไปเรียนกันดีกว่า” แบคฮยอนกับคยองซูกลับไปแล้วโดยทิ้งให้ร่างโปร่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

ปึง โครม!!!

เสียงเหมือนโต๊ะหรือไม่ก็เก้าอี้ถูกถีบอย่างแรงจนล้มระเนระนาด ทำเอาซิ่วหมิ่นได้แต่ปิดตาแน่น

“เอาอีกแล้ว ไอ้หัวหน้ามันผีเข้าอีกแล้ว” ซิ่วหมิ่นบอกทั้งๆที่ปิดตา

“แบบนี้ทะเลาะกับเมียมาแน่ๆ” เฉินเดา

“หึ ไอ้ลู่ มึงไปทำอะไรให้ ไอ้เทากับเมียมันทะเลาะกันหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนจะปรายตามองคนหน้าสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ

“อะไรว่ะ เหี้ยคริสกูไม่ได้ทำนะเว้ย”

“ไอ้ลู่ กูไม่ได้โง่ บอกพวกกูมาซะดีๆว่ามึงทำอะไร” คริสคาดคั้น

“ป่าว กูไม่ได้ทำอะไร ก็แค่อยากรู้ ว่าถ้าเสือตัวนี้ มันขาดคนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมามันจะเป็นยังไง” ลู่ห่านบอกด้วยรอยยิ้ม

นี่แหล่ะ ลู่ห่าน คนที่เหมือนดอกไม้อาบยาพิษ แม้ว่าจะสวยแต่พิษสงร้ายกาจจนทำให้คนที่เข้าใกล้ทุรนทุรายได้ ดูตัวอย่างจากไอ้หัวหน้าแผนกเถอะ 5แสบแห่งโยธาน่ะ ไม่ธรรมดานะขอบอก

“แล้วมึงนึกสนุกอะไรของมึงเนี่ย เห็นไหมว่ามันทำลายข้าวของจนชิบหายหมดแล้ว” คริสบอกเสียงเข้ม

“ก็กูหมั่นไส้ ทั้งๆที่มันแทบจะขาดเขาไม่ได้ ยังทำเป็นเก๊กอีก เอาน่า มันก็แค่บททดสอบเล็กๆจากกู ถ้าพวกมันผ่านไปได้ รับรองว่ามันจะรักกันขึ้นอีกสามเท่าเลย ฮ่าๆๆ” ร่างบางหัวเราะเสียงเย็นจนอีกสามคนเสียวสันหลังวาบ ไอ้ลู่นี่เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ



จื่อเทาหงุดหงิด

หงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้เลยทำอะไรไม่ได้มากกว่า ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้แมร่งเละคาตีนเขาไปแล้ว แต่พอเป็น โอเซฮุน เขากลับไม่กล้าจะทำอะไรแม้แต่น้อย ไม่อยากเห็นอีกคนเจ็บตัวสักนิด ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ทำไมแค่ไม่ได้เห็นหน้ามันถึงหงุดหงิดขนาดนี้ว่ะเนี่ย

“แมร่งเอ้ย!!”

โครม !!!!



ร่วมกันไว้อาลัยให้แก่ โต๊ะ เก้าอี้ ขวด และต้นไม้บริเวณนั้นด้วยนะ อาเมน




...........................TBC.....................

SF TaoHun 6



จื่อเทาแอบมองคนสองคนที่จูงมือกันเข้าร้านโน้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น พลางขบกรามแน่น ความไม่พอใจที่เขาเองก็อธิบายไม่ได้กำลังทำให้เขาแทบอยากจะไปกระชากคนสองคนออกจากกัน

เหี้ยเอ้ย กูเป็นอะไรของกูว่ะ

แม้ว่าอยากจะเข้าไปกระชากเซฮุนออกมาแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่มองเพราะความสับสนที่มีอยู่ในใจมันมากเกินไป เขาไม่สามารถหาเหตุผลให้ตัวเองว่า มาที่นี่ทำไม ทำไมต้องแอบมา

“เหี้ย พวกมันทำอะไรกันว่ะ” ร่างสูงสบถลั่นเมื่อเห็นว่า เซฮุนยื่นหน้าเข้าไปไกลกับร่างเล็กจนแทบจะหอมแก้มกันอยู่แล้ว จื่อเทากำหมัดแน่นก่อนจะทิ้งเหตุผลทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลังแล้งเดินไปกระชากร่างโปร่งออกมาทันที

“ใครว่ะ!!” ร่างโปร่งแหวลั่น

“กูเอง” ร่างสูงตอบก่อนจะจ้องคนทั้งสองเขม็ง

“เฮ้ย มึงมาได้ไงว่ะ!!!”

“ทำไม กูมาไม่ได้หรือไง มึงมาทำอะไรทำไมไม่อยากให้กูมา ห่ะ” ร่างสูงตะคอกก่อนจะบีบหัวไหล่มนแน่น จนเซฮุนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“อ่ะ เอ่อ คุณจื่อเทา ครับ” คยองซูที่เงียบมานานเอ่ยตะกุกตะกัก

“กูใช้ให้มึงพูดเหรอห่ะ!!” ร่างสูงตะคอกเสียงดังจนคนแถวๆนั้นเริ่มจะหันมามอง

“มึงตะคอกคยองซูทำไม” ร่างโปร่งบอกเสียงลอดไรฟันก่อนจะสะบัดตัวออกจากจื่อเทา แล้วจับมือคยองซูไว้แน่น

“ทำไม มึงปกป้องกันเหรอ รักมันมากนักหรือไง!!!”

“เออ แล้วมึงจะทำไม”

สองคนจ้องหน้ากันอย่างท้าทาย คยองซูได้แต่กะตุกแขนเพื่อนยิกๆ เพื่อเรียกสติ

ฮื่อๆๆ จงอินอยู่ไหน ช่วยคยองซูด้วย คยองซูยังไม่อยากตาย



“คะ คุณจื่อเทา ครับ อย่าโกรธเซฮุนเลยนะ คือว่า เซฮุนพาผมมาเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้จงอินน่ะครับ” คยองซูเอ่ยทำลายความเงียบอย่างไม่กลัวตาย???

“จงอิน ใครอีกล่ะ” ร่างสูงถามเสียงเข้ม คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงก่อนจะตอบเสียงเบา

“จะ จงอินเป็นแฟนผมเองครับ พอดีว่าพรุ่งนี้วันเกิดจงอิน ผมก็เลยชวน เซฮุนมาเป็นเพื่อน”

“นายไม่ได้เป็นแฟน หมอนี่เหรอ” จื่อเทาเอ่ยถามคนตัวเล็ก

“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่” ร่างเล็กส่ายหน้าอย่างเป็นเอาตาย

“หึ งั้นเหรอ แล้วก็ไม่บอก” ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะมองร่างโปร่งที่ยืนหน้างออยู่ข้างๆ

“ เซฮุน ถ้าเซฮุนไม่ว่างเราไม่กวนก็ได้นะ ไปกับคุณจื่อเทาเถอะ” คยองซูบอกเพื่อนเบาๆ

“ไม่ได้นะ เรารับปากเอาไว้เราต้องช่วยสิ ส่วนใครที่ไม่ได้รับเชิญน่ะ กลับไปได้แล้ว เกะกะ” ประโยคแรกบอกเพื่อนส่วนประโยคหลงคงไม่ต้องบอกว่ากำลังพูดกับใคร

“นี่คยองซู ไม่ต้องเรียก กู เอ่อ ฉันว่าคุณหรอก เรียก จื่อเทาก็พอ งั้นเดี๋ยวเลือกของเสร็จแล้ว ฉันเลี้ยงข้าวด้วย เอาไหม” จื่อเทาพูดกับคยองซูด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณมากนะ จื่อเทา” คยองซูยิ้มตอบ

“ไม่เป็นไรหรอก ไปกันเถอะ”

เซฮุนมองสองคนที่ยืนยิ้มให้กันอย่างไม่พอใจ แล้วเขาไม่พอใจอะไรล่ะ ไม่พอใจที่ร่างสูงตามมาเกะกะหรือไม่พอใจ ที่ร่างสูง ยิ้ม ให้ “คนอื่น” กันแน่





“จื่อเทา ชอบทานของหวานไหม”ร่างเล็กเอ่ยถามหลังจากที่ทั้งสามเข้ามานั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“ก็พอกินได้ ทำไมเหรอ”

“งั้นเอานี่ไปสิ เราให้ ถือว่าเป็นของขวัญรับเพื่อนใหม่ คุกกี้นี่เราทำเองนะ” คุกกี้ห่อเล็กๆถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนที่ร่างสูงจะรับไว้

ดีเหมือนเก็บไว้กินตอนดูการ์ตูน

“ขอบใจนะ”

“เอ๊ะ นี่มันหกโมงแล้วนี่นา เราต้องกลับแล้วล่ะไม่งั้น จงอินต้องสงสัยแน่เลย เสียดายจัง ” ร่างเล็กบ่นอุบ

“ไม่เป็นไรหรอกเอาไว้ วันหลังเดี๋ยวมากันใหม่” จื่อเทายิ้มตอบ

“อืม งั้นเราไปนะ จื่อเทา เซฮุน” คยองซูบอกเพื่อนก่อนจะเดินออกจากร้านไป



“ชอบเหรอ” เสียงของคนที่เงียบมาตลอดสองชั่วโมงดังขึ้น จื่อเทาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

ชอบ ชอบอะไรว่ะ

“อะไร”

“คยองซูน่ะ มึงชอบเหรอ”

“อืม ก็น่ารักดี” จื่อเทาตอบด้วยรอยยิ้ม แต่คนฟังกลับหน้าตึง

“แต่คยองซูมีแฟนแล้ว”

“แล้วไงว่ะ มีแฟนแล้วมันเกี่ยวอะไร” จือเทาถามด้วยความสงสัย มันเป็นอะไรของมันว่ะ เกี่ยวอะไรกับแฟนคยองซู ก็เขาชอบ คยองซูแบบเพื่อน มันต้องเกี่ยวกับแฟนด้วยหรือไง

“มึงแมร่งเหี้ยกว่าที่กูคิดอีกนะ!!” ร่างโปร่งแหวลั่นก่อนจะเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้ร่างสูงนั่งงงกับถุงคุกกี้

ตกลงกูทำอะไรผิดว่ะ



“ฮวาง จื่อ เทา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกก่อนที่รุ่นพี่ทั้งสี่จะเดินเข้ามาในร้าน

“อ้าว พวกพี่มาได้ไงเนี่ย”

“จื่อเทา น้องรัก มึงมีอะไรจะบอกพวกกูไหม” คริสถามเสียงเข้ม ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“บอก บอกอะไร พี่ไม่มีนิ”

“อย่ามาไขสือน่า พวกกูเห็นหมดแล้ว ว่ามึงมากับใคร” ลู่ห่านบอกก่อนจะจ้องรุ่นน้องด้วยสายตานิ่งๆ

“แล้วไงล่ะพี่ ก็เพื่อนกัน แหม” จื่อเทาตอบก่อนจะเสมองแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ทำไมกูเหมือนพวกเด็กทำผิดที่โดนพ่อแม่จับได้แบบนี้ว่ะ

“มันจะธรรมดามาก ถ้าเพื่อนที่มึงมาด้วย ไม่ใช่ เด็กช่างกลที่มึงเคยประกาศว่าจะเหยียบมันจมตีน” คริสบอก

“ใช่ๆ แล้วคู่อริที่ไหน แมร่งจะจูบกันดูดดื่มขนาดนั้นว่ะ” ซิ่วหมิ่นโพล่งออกมาโดยที่เฉินตะครุบปากไว้ไม่ทัน

“นี่พวกพี่..”

“เออ พวกกูเห็น มึงมีอะไรจะสารภาพก็บอกมา พวกเราไม่เคยมีความลับต่อกัน ไม่ใช่เหรอว่ะ” ลู่ห่านคาดคั้น



“ก็ผมไม่รู้จะบอกพวกพี่ยังไง”

“ก็บอกความจริงไง ยากตรงไหน” เฉินที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น

“เฮ้อ ก็ได้ๆ ผมบอกก็ได้” จื่อเทาตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ พี่ๆฟัง ทั้งเรื่องที่ร้านเหล้า เรื่องที่หลังโรงฝึกแล้วก็เรื่องวันนี้



“สรุปว่า มึงชอบมัน” ลู่ห่านสรุป

“เฮ้ย บ้าเหรอพี่ผมบอกตอนไหนว่าผมชอบมัน”

“มึงบอกกูทุกตอนนั่นแหล่ะ สัด ทีไอ้เรื่องตีกับชาวบ้านเนี่ยฉลาดนัก แต่พอเรื่องความรักเสือกโง่ฉิบ” คริสตะคอก นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นหัวหน้าแผนกนะจะตบกะโหลกให้หายโง่เลย

“ผมเนี่ยนะ ชอบไอ้หัวสีนั่น บ้าเถอะ”

“ไม่ได้บ้าเว้ย ไอ้ที่มึงทำทั้งหมดเนี่ย เขาเรียกว่า หึง เข้าใจไหมว่ะ ว่ามึงหึง ไอ้หัวสีนั่นน่ะ”คริสย้ำ แต่กลับทำให้จื่อเทาอ้าปากค้าง

บ้าน่า กูเนี่ยนะ ชอบ ไอ้หัวสี



“มีอะไรให้พวกกูช่วยก็บอกแล้วกัน แต่มึงตอนนี้กูว่ามึงตามไปง้อเมียมึงโน่นไป งอนกลับบ้านไปแล้วมั้งนั่น” ลู่ห่านบอก

“ง้อ ทำไมต้องง้อว่ะพี่”

“โอ้ยน้องกู มึงซื่อบื้อไปนะสัด” ซิ่วหมิ่นสถบ

แน่ะ หลอกด่ากูอีกไอ้พี่เหี้ยนิ

“มึงไม่เห็นหรือไงว่าเมียมึงเดินหน้างอออกไปจากร้านเมื่อกี้น่ะ รีบตามไปสิว่ะ” คริสบอก

จื่อเทาโค้งให้รุ่นพี่นิดหน่อยก่อนจะวิ่งออกจากร้านไป ถึงจะไม่รู้ก็ตามที ว่าทำไมเขาต้องไปง้อ แต่ว่าพอนึกถึงหน้า เซฮุนตอนนั้นแล้วใจมันหวิวแปลกๆ





“ไอ้เหี้ยแมร่ง เว้ย กูเป็นอะไรว่ะ” เซฮุนสบถ ก่อนจะเดินเตะโน่นเตะนี่ไปเรื่อยเพื่อนระบายอารมณ์ ทำไมถึงไม่พอใจ ไม่พอใจเอามากๆที่อีกฝ่ายบอกว่าชอบคยองซู กูเป็นอะไรของกูว่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด



“มึงไปไหนมาเนี่ย ปล่อยกูรอตั้งนาน” ร่างสูงเอ่ยถาม

“มึงมาได้ไงเนี่ย”

“ก็นั่งรถมา มึงออกมาก่อนกูตั้งนานทำมาถึงเพิ่งมาถึง”

“เกี่ยวไรกับมึงล่ะ หลีกกูจะเข้าห้อง” ผลักคนที่ยืนขวางประตูออกก่อนที่มือเรียวจะไขกุญแจเข้าห้อง

“มึงเข้ามาทำไมเนี่ย ดึกแล้วกลับบ้านมึงไปสิ” ร่างโปร่งไล่ อีกคนกลับไม่สนใจสักนิด กลับเดินไปเปิดทีวีดูการ์ตูนเรื่องโปรดหน้าตาเฉย

“นี่ มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”

“รู้ ทำไม คนเป็นผัวจะมาค้างห้องเมียตัวเองไม่ได้ไง”

“มึงจะบ้าเหรอมึงจะมาค้างทีนี่ได้ยังไง”



“ได้ไม่ได้ก็มาแล้วล่ะจ๊ะ เมียจ๋า ครึๆๆ คืนนี้เตรียมตัวเป็นเมียผัวอีกรอบเลยนะจ๊ะ”

SF TaoHun 5



“ห้องมึงเล็กชะมัด เมื่อไหร่จะย้ายห้องสักทีว่ะ”

“ถ้ามึงอยู่ไม่ได้ มึงก็กลับบ้านมึงไปเลยไป กูรำคาญ” ร่างโปร่งปรายตามองคนที่นอนเอกเขนกอยู่หน้าทีวีอย่างไม่สบอารมณ์ หลังที่ไอ้บ้านี่มันลากเขากลับมาที่หอพักทั้งๆที่โรงเรียนยังไม่เลิกวันนั้น นี่ก็ปาเข้าไปเป็นอาทิตย์แล้วที่มันยังมาห้องเขาทุกเย็น มาถึงก็นั่งๆนอนๆ แล้วก็ดู การ์ตูน เออ ฟังไม่ผิดหรอก ไอ้เหี้ยหัวหน้าแผนกโยธาที่ตีกับใครเขาไปทั่วติดการ์ตูน ถ้ามันเป็นการ์ตูนต่อสู้ที่เด็กผู้ชายเขาดูกันก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ แต่ไอ้นี่มันติด นาลองกระรอกน้อยเหิรฟ้า ไอ้กระรอกขี้แย แถมอ่อนแอที่สุดแบบนั้นนะ การ์ตูนสุดโปรดของนักเลงใหญ่ บอกตามตรงว่าเพลีย

“ไล่กูเหรอ มึงกล้าไล่กูเหรอ” ร่างสูงแหวลั่น

“ก็เออสิว่ะ แมร่งกูก็ไล่มึงอยู่ทุกวันเนี่ย ทำไมมึงไม่ไปสักที”

“เหอะ กูไม่ไป กูบอกมึงแล้วไงว่ากูจะตามมึงไปทุกที” ร่างสูงบอกก่อนจะยักคิ้วให้คนตรงหน้าเป็นเชิงเยาะเย้ย

“ไอ้หน้าด้าน”

“ด่าผัว มันไม่ดีนะจ๊ะ โบราณเขาว่ามันบาป” ร่างสูงเอ่ยล้อ

“ไอ้เหี้ย บอกกี่ครั้งแล้ว ว่ามึงไม่ใช่ผัวกู ไม่ใช่ และไม่มีวันใช่ด้วย”

“มึงหนีความจริงไม่ได้หรอก ยังไงๆ มึงก็เป็นเมียกูไปแล้ว”

เซฮุนอยากจะบ้า ไอ้หัวหน้าแผนกนี่ฉาบหน้าด้วยปูนซีเมนต์หรืองไง ทำไมมันหน้าด้านแบบนี้ ไล่เท่าไหร่ ด่าเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมไป ทุกวันนี้ตัวติดกันจนคนสงสัยทั้งสถาบันแล้ว ถ้าไม่ติดว่าพวกมันยังเกรงใจ หมัดเขาอยู่ล่ะก็ปานนี้โดนซักฟอกจนขาวเท่า อาจารย์ซูโฮแล้วมั้ง

“นี่กูหิวแล้ว หาไรให้แดกหน่อยสิ”

สั่ง สั่งจริง นอกจากจะมาเกะกะ ขวางทางผลาญน้ำผลาญไฟในห้องเขาแล้ว ท่านยังทำตัวเยี่ยงพระราชา คือ สั่งๆๆๆ แล้วก็สั่ง

“ไม่มี ขี้เกียจ ไม่อยากทำ ชัดม่ะ” ร่างเพรียวแหวลั่นก่อนจะกระแทกตัวลงบนโซฟา

“มึงแมร่งเป็นเจ้าบ้านภาษาอะไรว่ะ แขกมาบ้านไม่ทำกับข้าวต้อนรับเลย” ร่างสูงตัดพ้อ ก่อนจะนั่งหน้ามุ่ย

นี่ก็อีกเรื่องที่ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ คงไม่มีใครเคยเห็น ฮวาง จื่อ เทา อ้อนใช่ไหม แต่เขาคนนี้ นาย โอเซฮุนเห็นมาจะครบอาทิตย์แล้ว แรกๆก็ตกใจจนเกือบช็อคตายเหมือนกัน แต่เห็นทุกวันๆแล้วมันก็ชิน ไอ้บ้านี่ นิสัยคุณหนูจะตาย พอไม่ได้อะไรดั่งใจหน่อยก็นั่งหน้างอ ดีนะที่มันไม่ลงไปดิ้นกับฟื้น

“ไปหาซื้อมาแดกเองสิ เรื่องอะไรกูต้องทำให้มึง”

“เมียเหี้ย อะไรว่ะ ไม่ดูแลผัวเลย มึงนี่เป็นเมียที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ กูสั่งพไก่ทอด มากินก็ได้ แล้วกูจะกินคนเดียวด้วย หึ” ว่าแล้วร่างสูงก็สะบัดหน้าออกไปโทรศัพท์ที่ระเบียง



เซฮุน มองคนที่คุยโทรศัพท์อยู่นอกระเบียงด้วนสีหน้าครุ่นคิด ตั้งแต่รู้จักกันมา จนจะครบอาทิตย์ ดูเหมือนว่าหลายๆเรื่องของ ฮวาง จื่อเทา จะไม่ใช่อย่างที่เขาเคยคิดแม้แต่น้อย ใครมันจะไปคิดว่างานอดิเรกของพ่อนักเลงใหญ่คนนี้คือการดูการ์ตูน ชอบทำหน้างอเวลาที่ถูกขัดใจ แถมขี้น้อยใจสุดๆ

ตัวจริงของนายเป็นแบบไหนกันแน่นะ จื่อเทา



วันต่อมา…

“โอ เซ ฮุน” ร่างเพรียวสะดุ้งทันทีที่เสียงหนึ่งเรียก ก่อนที่เพื่อนร่างเล็กจะจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง

“มีไรว่ะ ไอ้หมาน้อย” เซฮุนเอ่ยทักเพื่อนตัวเล็กด้วยใบหน้าตื่นๆ

ซวยล่ะกู ดันมาเจอไอ้หมามันซะได้ เอาไงดีว่ะ

“มึงมีอะไรปิดบังกูอยู่หรือเปล่า” ร่างเล็กถามเสียงเข้ม

“อะไร กูมีอะไรปิดบังมึง ไม่มีนี่” เซฮุนตอบ ก่อนจะเสมองไปด้านข้าง พร้อมกับเหงื่อที่เริ่มชื้นที่มือ

มึงเป็นอะไรของมึงว่ะ โอเซฮุน มึงไม่มีอะไรปิดบังเพื่อนนิหว่า เอ๊ะ หรือมีว่ะ

“อย่ามาโกหก ช่วงนี้ใครๆเขาก็เห็นว่ามึงตัวติดกับไอ้หัวหน้าโยธานั่นตลอด บอกกูมานะว่ามึงไปสนิทกันตอนไหน ทำไมกูไม่เคยรู้” ร่างเล็กคาดคั้น

“สนิทอะไร ไม่มี๊ กูแค่บังเอิญเจอมันบ่อยๆเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกน่า คิดมาก ถ้ามีจริงๆกูจะกล้าปิดมึงเหรอ”

“เหอะ ให้มันจริง” ร่างเล็กคาดโทษก่อนจะวิ่งกลับไปเข้าห้องของตัวเอง

ฟู่ ร่างโปร่งเป่าปากด้วยความโล่งใจ

ว่าแต่กูโล่งใจเรื่องอะไรว่ะ

บ้าน่า โอเซฮุน มึงโล่งใจเพราะไม่ถูกคาดคั้นเรื่องไอ้เหี้ยนั้นเหรอ บ้าไปแล้ว ทำไมต้องโล่งใจว่ะ คนหล่อ งงตัวเอง





“มึงดูๆ” ซิ่วหมิ่นสะกิดลู่หานให้ดูหัวหน้าแผนกที่ตอนนี้กำลังนั่งเหม่อลอยประหนึ่งว่าโลกนี้มีกูคนเดียวอยู่

“เออกูเห็นแล้ว” ลู่ห่านบอก ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากรองหัวหน้า

“มึงว่ามันเป็นอะไรว่ะคริส”

“ถ้าเป็นคนอื่น กูคงคิดว่ามัน มีความรัก แต่นี่เป็น ฮวางจื่อเทา หัวหน้าแผนกโยธาของเรา กูเลยไม่แน่ใจว่ามันจะเหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า ร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมันชอบใครสักครั้งนะเว้ย ปกติแมร่งน้ำแตกแล้วแยกทางตลอด” คริสบอกก่อนจะจ้องรุ่นน้องไม่วางตา

“แต่ไอ้ที่กู กับไอ้หมิ่นเห็นน่าจะพอเป็นเครื่องยืนยันได้นะเว้ย” ขนาดคนที่ไม่เคยคิดจะสนใจอะไรอย่างเฉิน ยังให้ความสนใจกับท่าทางของท่านหัวหน้า แปลว่าประเด็นนี้ น่าสนใจจริงๆ

“มันก็ยังฟันธงไม่ได้เว้ย นอกจากกูจะเห็นกับตาตัวเอง!!” คริสบอกอย่างหมายมาดก่อนที่ร่างสูงจะสื่อความหมายกับเพื่อนผ่านทางสายตา

ต้องรู้ให้ได้ว่า หัวหน้า เป็นอะไร



ในขณะที่คนสนิททั้งสี่กำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ท่านหัวหน้าแห่งแผนกโยธาก็กำลังเครียดไม่ต่างกัน เมื่อพบว่าในมือถือของตัวเองมีรูปใครบางคนอยู่เต็มไปหมด

มันมาได้ยังไงว่ะ จำได้แค่ว่า เวลาที่ ไอ้หัวสี มันเผลอทำท่าทางแปลก มันตลกดี ก็เลยหยิบมือถือตัวเองมาถ่ายเก็บไว้กะจะเอาไว้ล้อมันแต่ไหง ไปๆมาๆ ในมือถือของเขาถึงมีรูปมันอยู่เกือบร้อยรูปว่ะ

จื่อเทาเครียด กูเป็นอะไรไปว่ะ

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

“เหี้ยใครโทรมาว่ะ” ร่างสูงสบถลั่นก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าใครโทรมา ก็ตั้งแต่ที่ (บังคับ) แลกเบอร์กันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ไม่เห็นว่าอีกคนจะโทรมาสักนิดมีก็แต่เขาที่โทรไป (ซึ่งก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าโทรไปทำไม) ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เบอร์ของใครบางคนโชว์ที่หน้าจอ



“เฮ้ยๆ ไอ้หมิ่น ไอ้เฉิน ไอ้คริส จื่อเทามันยิ้มว่ะ มันยิ้ม” ลู่ห่านสะกิดเพื่อนยิกๆ เมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังยิ้ม คนอื่นยิ้มน่ะมันไม่แปลกหรอก แต่คนอย่าง ฮวาง จื่อเทายิ้มเนี่ย มันแปลก แปลกมากจนอยากจะถ่ายรูปแล้วอัดกรอบโชว์ รู้จักมันมาสองปีมันยิ้มไม่ถึงสิบครั้งแต่ครั้งนี้มันยิ้มเพราะโทรศัพท์ดัง พระเจ้าช่วยลูกด้วย ลูกจิเป็นลม

“เงียบน่าไอ้ลู่ ดูอย่างเดียวพอ” คริสบอกก่อนที่คนทั้งสี่จะจ้องร่างสูงเป็นตาเดียว





“ฮัลโหล โทรมามีไรว่ะ” แม้เก๊กเสียงเข้มรับสาย แต่จื่อเทากลับไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย

“เปล่า กูจะโทรมาบอกว่า วันนี้มึงไม่ต้องมารอกูที่แผนกนะ กูจะกลับเอง” ประโยคที่ปลายสายบอกทำให้จื่อเทา รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะเฉยๆ

“ทำไม ทำไมถึงไปไม่ได้ทุกวันก็ไปได้นี่ ทำไมวันนี้ห้าม!!” ร่างสูงตะคอก

แมร่งหงุดหงิด มันจะไปไหน กับใครว่ะ ถึงกลับพร้อมกันไม่ได้ อย่าให้กูรู้นะมึง

“แล้วมันเรื่องอะไรที่กูต้องบอกมึง กูโทรมาแค่นี้แหล่ะ”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิว่ะ” ร่างสูงโวยวายใส่โทรศัพท์แต่สายกลับถูกตัดไปดื้อๆ

“แมร่งเอ้ย!”

ร่างสูงสบถลั่นก่อนจะถีบเกาอี้เก่าๆที่อยู่บริเวณนั้นระบายอารมณ์

อย่าให้กูรู้นะ ว่ามึงนัดใครไปเที่ยวกูจะกระทืบให้ตายคาตีนเลย เหี้ยเอ้ย แล้วกูแมร่งเป็นอะไรว่ะ ทำไมถึงหงุดหงิดขนาดนี้

ท่าทางผีเข้าผีออกของร่างสูงตกอยู่ในสายตาของรุ่นพี่ทั้งสี่โดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครหาคำตอบได้ว่า หัวหน้าแผนกเป็นอะไรไปแต่มันไม่อยากหรอกนะของแบบนี้





“เหี้ยเอ้ย กูทำอะไรลงไปว่ะ” ร่างโปร่งมองหน้าจอโทรศัพท์แบบงงๆ เมื่อกี้เขาโทรหาไอ้โยธา โทรทำไม โทรเพื่ออะไรว่ะ

กูหนอกู ทำไมต้องโทรไปบอกไม่ให้มันมารอ กลัวมันมารอเก้อเหรอ กูเป็นเหี้ยอะไรว่ะเนี่ย

“ไอ้เหี้ย เอ้ย นี่มึงกำลังให้ผู้ชายหล่อๆอย่างกูสับสนเหรอว่ะ” เซฮุนสบถลั่นก่อนจะเดินออกจากแผนกไป





“เซฮุน”เสียงใสเรียกก่อนที่เจ้าของชื่อจะหันกลับไป

“อ้าว คยองซูมาแล้วเหรอ” เซฮุนยิ้มให้เพื่อนตัวเล็ก

“อืม เราไปกันหรือยัง ว่าแต่เซฮุน่ะว่างแน่นะ” คยองซูเอ่ยถาม

“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ ”

“ก็ช่วงนี้ ใครๆก็รู้ว่าเซฮุน ต้องกลับบ้านพร้อมหัวหน้าแผนกโยธาทุกวันไม่ใช่เหรอ” เพื่อนตัวเล็กเอียงคอถาม

“เฮ้ย มั่วแล้ว ไม่มีหรอกน่า ไปเถอะ ถ้าค่ำแล้วคยองซูจะซื้อของขวัญให้ไอ้สำลีมันไม่ทันนะ” ร่างโปร่งเฉไฉ ก่อนจะลากเพื่อนตัวเล็กให้เดินไปด้วยกัน



“หึ แบบนี้สินะ ถึงไม่ให้กูมา” ร่างสูงที่แอบมองอยู่ขบกรามแน่น ก่อนที่เดินตามร่างโปร่งไป





“มาเร็วๆสิพวกมึง เบาๆด้วยนะเดี๋ยวแมร่งรู้ตัว” คริสกระซิบบอกเพื่อน พวกเขาแอบตาม จื่อเทาตั้งแต่ออกมาจากโรงฝึกแล้วและดูเหมือนว่า ข้อสันนิฐานของพวกเขามันจะเป็นจริงซะด้วย จื่อเทา มาหาเซฮุน คริสมีแววลางๆว่ามันจะมีอะไรๆสนุกๆให้ทำซะแล้วสิ




.......................TBC....................

SF TaoHun 4



“อร่อยไหม เซฮุน” คยองซูเอ่ยถามเพื่อน วันนี้เขาเรียนคลาสทำเค้กกับอาจารย์อี้ชิง ก็เลยเอามาให้เพื่อนชิมซะหน่อยเพราะเซฮุนน่ะ มันชอบของหวานเอามากๆ ขัดกับลุคเด็กซ่าช่างกลของเจ้าตัวเป็นที่สุด เพราะงั้นถึงจะชอบแค่ไหนแต่เซฮุนก็ไม่เคยคิดจะซื้อเค้กเลยสักครั้งมักจะอาศัยเค้กที่เขาทำตอนเรียนมากกว่า

“อร่อยสิ คยองซูทำทั้งทีไม่อร่อยได้ยังไง ถ้เป็นของไอ้หมาน้อย ป่านนี้คงได้โยนทิ้ง ฮ่าๆๆ” ร่างโปร่งบอกอย่างร่าเริงแต่ก็ไม่วายแขวะเพื่อนตัวเล็กอีกคนที่ป่านนี้คงไปนั่งบังคับชานยอลให้กินเค้กของตัวเองที่แผนกช่างยนต์

“เซฮุนอ่า ชอบว่าแบคอยู่เรื่อยเลย”

“ก็มันจริง แล้วนี่คยองซูไม่เอาเค้กไปให้ไอ้สำลีกินเหรอ” เซฮุนถามอย่างแปลกใจ ปกติมันเคยห่างกันที่ไหนไอ้คู่นี้

“ยังหรอก วันนี้ฉันจะไปค้างบ้านจงอินอยู่แล้วค่อยเอาไปให้ตอนเลิกเรียนก็ได้” คยองซูบอก

“ฮั่นแน่ๆ วันนี้วันศุกร์ นิเนาะ อิอิ” เซฮุนยิ้มล้อ แต่คนถูกล้อกลับก้มหน้าเพื่อซ่อนความอาย



ท่าทางยอกล้อของคนสองคน ทำให้หลายคนอดยิ้มตามไม่ได้ ถึงไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันแต่ท่าทางอายๆของคนตัวเล็กนั่นก็ทำให้หลายคนเดากันไปว่าคงเป็นอาการยอกล้อของคนรัก แต่กลับบางคน มันไม่ใช่!!

ซิ่วหมิ่นสะกิดลู่ห่านให้ดูหัวหน้าแผนกที่จ้องคนสองคนนั่นเขม็งตั้งแต่เข้ามา แววตาวาวโรจน์ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักกำลังจับจ้องไปที่สองคนนั่นอย่างไม่วางตา

“มันเป็นอะไรของมันว่ะ ทำหน้าอย่างกะเมียมีชู้” ลู่ห่านกระซิบ

“นั่นดิ หัวหน้าเราแมร่งแปลกๆว่ะช่วงนี้” ซิ่วหมิ่นกระซิบตอบ

แต่ยังไม่ทันที่สองคนจะกระซิบกันเสร็จ ร่างสูงของหัวหน้าแผนกโยธาก็ลุกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วเดินอาดๆไปที่โต๊ะที่ร่างโปร่งนั่งอยู่ทันที

ปัง!!!

เสียงทุบโต๊ะกำลังทำให้คนทั้งโรงอาหารแตกตื่น บรรยากาศที่ชวนอึดอัดอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความอึดอัดขึ้นนับล้านเท่า

“หึ ยังนั่งทำหน้าระรื่นได้อีกนะ ไอ้หัวสี” เสียงทุ้มเอ่ยทัก

“แล้วมึงจะให้กูร้องไห้หรือไง กูอารมณ์ดีก็ต้องยิ้มสิ” อีกคนตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังเบิกตาโพลง พลางกำชายเสื้อเพื่อนไว้แน่น

ไม่นะ คยองซูยังไม่อยากตาย

“เซฮุน พอเถอะ เรากลับกันดีกว่าไหม” คยองซูดึงแขนเพื่อนด้วยแรงเท่าที่มี แต่อีกฝ่ายไม่ขยับสักนิด

“ไม่เป็นไรหรอกคยองซู ไม่ต้องกลัวนะ” เซฮุนปลอบเพื่อนก่อนจะดันคยองซูไปข้างหลัง

จื่อเทาแสยะยิ้ม ก่อนจะจับข้อมือเรียวของอีกคนไว้แน่น

“หึ ตัวเท่าลูกหมา ยังมีหน้าไปปกป้องแฟนอีกนะ มันจะทำได้สักกี่น้ำกัน” ร่างสูงบอกเสียงเข้ม พร้อมกับแรงบีบที่เพิ่มขึ้นจนข้อมือเริ่มเป็นรอยแดง

“แล้วมันหนักหัวมึงหรือไง กูรัก (เพื่อน) ของกู”

“ซะ เซฮุน” คยองซูกระซิบ

“เงียบน่า คยองซู อยู่เฉยๆก็พอ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ท่าทางของร่างโปร่งที่ลูบหัวร่างเล็กอย่างอ่อนโยนทำให้ผู้หญิงหลายคนถึงกับเคลิ้มไป แต่ก็มีบางคนนะที่ไม่สบอารมณ์เอาซะเลย

จื่อเทากระชากร่างโปร่งเข้าหาตัวก่อนจะกระซิบเสียงลอดไรฟัน

“ถ้าไม่อยากให้กูประกาศความสัมพันธ์ของเรา ตามกูมาดีๆ”

“ทำไมกูต้องเชื่อมึง”

“แล้วแต่นะ มึงก็รู้ว่าคนอย่างกูพูดจริงทำจริงเสมอ เอาสิ ถ้ามึงอยากให้คนทั้งสถาบันรู้ว่า กูเป็นผัวมึง ” ร่างสูงยกยิ้มอย่างเป็นต่อก่อนจะเดินนำออกไป

“โถ่เว้ย ไอ้เหี้ย” ร่างโปร่งสบถลั่น ก่อนจะเดินตามออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำเอาทุกคนที่อยู่ในโรงอาหารมองเป็นตาเดียว

“มันกระซิบอะไรกันว่ะ” เฉินเอ่ยถาม

“กูจะรู้ไหมว่ะ ไอ้มหา แมร่ง กูงงว่ะสัด” คริสโวยวายพลางขยี้ผมที่จัดทรงมาอย่างดีเพื่อระบายความสงสัย จะถามใครก็คงไม่ได้เพราะไอ้ตัวต้นเหตุน่ะมันเดินออกไปแล้ว คนหล่อเครียด

“แล้วนี่มุงอะไรกันว่ะ เดี๋ยวเอาเงิงเฉาะหัวเลยแมร่ง” เมื่อหาที่ระบายอารมณ์ไม่ได้ประชาชนตาดำๆผู้อยู่ในโรงอาหารทั้งหลายจึงกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของคริสไปโดยปริยาย





หลังโรงฝึก

“มึงพากูมานี่ทำไม” เซฮุน ถามใครๆก็รู้ว่าหลังโรงฝึกคือฐานทัพของพวกโยธา แมร่งมันจะหลอกกูมาฆ่าปาดคอเปล่าว่ะ

“กูก็แค่อยากตกลงกับมึง”

“เรื่องอะไร เท่าที่จำได้เราไม่มีอะไรที่ต้องตกลงกัน” ร่างเพรียวแหวลั่น

“ทำไมจะไม่มี ก็เรื่อง คืนนั้นไง”

“คืนไหน กูไม่เห็นจำได้เลยว่า มีคืนนั้นอะไรนั่นกับมึง”

“หึ มึงอย่ามาแกล้งทำเป็นลืม!!” ร่างสูงตะคอกก่อนจะกระชากไหล่ของอีกคนเข้าหาตัว

“กูไม่ได้แกล้ง กูลืมไปแล้ว เรื่องเหี้ยๆแบบนั้นกูไม่อยากจำให้รกสมองหรอก” เซฮุนบอกก่อจะจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

“นี่มึงบอกว่า การนอนกับกู เป็นเรื่องเหี้ยๆงั้นเหรอ” จื่อเทาตะคอกพลางบีบไหล่ของเซฮุนแน่นขึ้น

“ก็เออสิว่ะ มึงจะให้ดีใจโห่ร้อง หรือไง สำหรับกูการนอนกับมึงเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต!!” ร่างเพรียวตะคอกกลับ

จื่อเทากำลังโกรธ

แต่ไม่รู้ว่าโกรธเพราะอะไรกันแน่ระหว่าง โกรธที่คนตรงหน้ากล้าตะคอกเขา กับโกรธที่เซฮุนบอกว่าการนอนกับเขาเป็นเรื่องเหี้ยๆ

“หึ รังเกียจกูมากเลยสินะ”

“เออสิ กูเป็นผู้ชายนะสัด ให้กูดีใจหรือไงที่นอนกับมึง”

“ดี ถ้ามึงรังเกียจกูกะตามมึงไปทุกที่ กูเริ่มจะสนุกแล้วสิ โอเซฮุน” ร่างสูงกระซิบเสียงแหบพร่า ก่อนจะเลียที่หูของร่างโปร่งเบาๆ

“ไอ้เหี้ย อื้ออออ” เสียงกรนด่าถูกกลืนหายไปลำคอของอีกนทันทีที่จื่อเทากดริมฝีปากลงมา จูบที่มีแค่ความรุนแรงและเอาแต่ใจกำลังทำให้เซฮุนขาดอากาศ มือเรียวทุบไปบนแผ่นหลังกว้างแต่ดูเหมือนว่า ร่างสูงจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด

“ไอ้เหี้ย !!”

พลั๊ก!!! ไม่พูดเปล่าเซฮุนประเคนหมัดซ้ายเข้าที่มุมปากของจื่อเทาเต็มๆ

ถุย!! น้ำลายที่ปนสีแดงนิดๆ ถูกถ่มออกมาก่อนที่ร่างสูงจะตวัดมองอีกคนด้วยตาวาวโรจน์

“มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าต่อยกู” ร่างสูงบอกเสียงเข้มก่อนจะคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายมากำไว้แน่น เซฮุนแสยะยิ้มกอ่นจะจ้องด้วยแววตาที่โกรธจัดไม่ต่างกัน

“กล้าไม่กล้ากูก็ต่อยมึงไปแล้ว คนอย่างโอเซฮุน ไม่เคยกลัวใคร!!”

“หึ ” จื่อเทายกยิ้ม จนเซฮุนแปลกใจ ไอ้เหี้ยนี่ มันเป็นบ้าเปล่าว่ะ เดี๋ยวโกรธเดี๋ยวยิ้ม

“แน่จริง ก็เข้ามา กูพร้อมเสมอ” ร่างโปร่งท้าทาย

“หึ” จื่อเทายิ้ม ก่อนจะประกบปากลงมาอีกครั้ง จนร่างโปร่งได้แต่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

“อื้ออออออออ” มือเรียวทั้งทุบทั้งพลัก ทั้งดันแต่ร่างสูงกลับไม่สะทืนเลยเลยสักนิด ซ้ำเรียวลิ้นช่ำชองก็กำลังกวาดต้อนให้เซฮุนพ่ายแพ้ รสจูบที่จาบจ้วงและรุนแรงทำให้ร่างเพรียวเข่าอ่อน จนร่างสูงต้องรวบเอวไว้แน่น จื่อเทายกยิ้มก่อนจะเปลี่ยนมาซุกไซ้ที่ซอกคอระหงส์ กลิ่นที่เหมือนกับแป้งเด็กของเซฮุนทำให้ สติของร่างสูงเริ่มจะขาดหายไป มือหนาลากไล้เข้าไปในเสื้อก่อนจะไล้วนยอดอกของอีกคน เซฮุนเบิกตาโพลงก่อนจะดิ้นหนีสัมผัสที่จาบจ้วงนั่น

เพลี๊ยะ!!!

จื่อเทาเหมือนได้สติทันทีมือเรียวพาดลงบนแก้มขวา

“แฮ่กๆ ไอ้เห้ย มึงๆๆ” เซฮุนหอบไปด่าไป ก่อนจะตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่อง แต่อีกคนกลับยังคงยิ้ม

“โอ้ย!! กูเจ็บนะสัด” ร่างโปร่งแหวลั่น เมื่อคนตัวสูงดูดหนักๆตรงซอกคอ

“พูดกับผัวให้มันเพราะๆหน่อย ไม่ได้หรือไง มึงน่ะ” จื่อเทาบอกก่อนจะได้สายตาโกรธจัดตอบกลับมา

“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าจะลืมเรื่องทั้งหมด” เซฮุนบอก

“กูบอกตอนไหน มีแค่มึงนั่นแหล่ะ ที่พูดเองเออเอง จำไว้นะ กูไม่มีทางลืม แล้วก็จะไม่ยอมให้มึงลืมด้วย มึงเป็นของกู อย่าให้กูไปเจอว่ามึง ไปกินเค้กกุกกิ๊ก กับไอ้เหี้ยนั่นอีก ไม่อย่างนั้น มึงสองคนตายทั้งคู่ มันน่ะตายคาตีน แต่มึงรับรองว่าตายคาเตียงแน่ที่รัก”

“ไอ้ๆๆ เว้ย!!” ร่างโปร่งสบถลั่น

“กูบอกว่าพูดกับผัวเพราะๆ หน่อยสิว่ะ ”

“ไอ้เหี้ย กูไม่ใช่เมียมึง สัด ออกไปไกลๆกูเลยนะ”

จื่อเทามองร่างโปร่งที่ยังอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะหัวเราะร่วน ความหงุดหงิดที่เขาหาคำตอบไม่ได้ตลอดสามวันเหมือนหายไปได้ง่ายๆเพียงแค่ได้แหย่คนตรงหน้า ท่าทางวางกล้ามโวยวายของเซฮุนที่เมื่อก่อนมองว่ามันโคตรน่าหมั้นไส้ แต่ตอนนี้ดูๆไปมันก็เพลินดี อารมณ์นี้ ใช่ว่าจะตกหลุมรักผู้ชายด้วยกันแล้วหรอกนะ แค่รู้สึกว่า มีไอ้หัวสีนี่อยู่ใกล้ๆมันก็สนุกดี ก็เท่านั้น

“ป่ะกลับเหอะ” ร่างสูงบอกก่อนจะลากแขนร่างเพรียวออกมา

“กลับไหนว่ะ” เซฮุนที่ทั้งดิ้นทั้นตี ถามขึ้น

“กลับบ้านไง”

“แต่นี่มันยังไม่เลิกเรียนเลยนะ เดี๋ยวแมร่งก็โดนดีทั้งคู่หรอก”

“ห่วงผัวเหรอจ๊ะ”

“ใครห่วงมึง กูห่วงตัวเองเว้ย ถ้าอาจารย์ ซูโฮ รู้เข้าล่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า วันนี้กูเบื่อไม่อยากเรียนแล้วกูจะไปนอนดูทีวีที่ห้องมึง”

“ห๊ะ ไอ้เหี้ย ปล่อยสิมึงจะลากกูไปไหนเนี่ย กูไม่ไป ได้ยินไหมสัด!!”

สองคนที่กึ่งลากกึ่งจูงกันออกไป ท่ามกลางเสียงโวยวายของร่างโปร่งและเสียงหัวเราะดังลั่นของร่างสูงกำลังทำให้ คนที่บังเอิญเดินมาพบกับเหตุการณ์ประหลาดมหัศจรรย์ ของโลก อ้าปากค้าง

“มะ มึงเห็นอย่างที่กูเห็นไหมเฉิน” ซิ่วหมิ่นถามเพื่อนเสียงเบา

“กูคิดว่ากูเห็นนะ” เฉินตอบไม่เต็มเสียงนัก เมื่อกี้เขาเห็น …เห็น จื่อเทา จะ จูบ กับโอเซฮุน แถมแมร่งจูบกันดูดดื่มอย่างกับจะกินปากกัน ไม่พอมันยังเรียกกัน ผัวเมียด้วย เหี้ย นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรว่ะ

“ต้องไปบอกพวกไอ้คริส!!” สองเพื่อนซี้ตะโกนขึ้นแทบจะพร้อมกันก่อนจะรีบวิ่งไปรายงานรองหัวหน้าแผนกทันที

SF TaoHun 3



“อื้อ แมร่งปวดหัวสัด” ร่างโปร่งสถบก่อนจะลืมตามองรอบๆห้องที่ไม่คุ้นเคย

“ที่ไหนว่ะ เนี่ย ” เขาจำได้แค่ว่าเมื่อคืนดวลเหล้ากับไอ้หัวหน้าแผนกนั่น แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

“โอ้ย!! ” ความเจ็บแล่นริ้วจากสะโพกทันทีที่ขยับตัวทำให้เซฮุนได้แต่ยู่หน้า

กูเป็นอะไรว่ะเนี่ย

หมับ

แรงกอดจากด้านหลังทำให้ ร่างโปร่งขมวดคิ้วแน่นเมื่อรับรู้ว่าบนเตียงที่นอนอยู่ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงเมื่อเปิดผ้าห่ม เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น???

เดี๋ยวนะ ขอดูใหม่อีกรอบ

ไม่มี

ไม่มี

ไม่มี

แว๊กกกกกกกกกกกก

ใครนี่มันอะไรกันว่ะ !! ขอประมวลผลก่อนนะ

เขาตื่นขึ้นมาที่ไหนก็ไม่รู้ ในตัวไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น แถมยังเจ็บสะโพกแปลกๆ จนแทบกระดิกตัวไม่ได้

“เหี้ยแล้ว!!” ร่างโปร่งสบถเบาๆ ก่อนจะกลั้นใจเพื่อเหลือบมองคนที่นอนซ้อนหลังอยู่



“ไอ้โยธา!!!”

พลั่ก

ตุ๊บ

“โอ้ย!!!” เท้า(ไม่)น้อยของหนุ่มหัวสีบรรจงถีบงามๆเข้าที่กลางอกของคนที่นอนหลับอย่างสบายอารมณ์จนร่างสูงตกลงไปกองกับพื้นทั้งๆที่ยังฝันหวาน แต่ไอ้เสียงโอดโอ้ยนั่นกลับไม่ใช่เสียงของคนถูกถีบแต่เป็นถีบที่ไม่เจียมสังขารตัวเองต่างหากที่ตอนนี้นั่งน้ำตาเล็ดอยู่บนเตียง

“ไอ้เหี้ย มึงถีบกูทำไม สัด” ร่างสูงโวยวายก่อนจะลุกขึ้นกระชากอีกคนเข้าหาตัว

“แล้วมึงทำอะไรกูห่ะ” ร่างโปร่งแหวลั่น

“หึ มึงก็น่าจะเดาออกนี่ กูกับมึง นอนแก้ผ้าอยู่ด้วยกันแบบนี้ คงเล่นหมากเก็บกันมั้ง” ร่างสูงบอกก่อนจะแสยะยิ้ม

“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!”

พลั่ก หมัดขวาของร่างโปร่งกระแทกเข้าที่ปากของคนพูดอย่างจัง

“นี่มึงต่อยกูเหรอห่ะ!!” ร่างสูงตะโกนลั่น ก่อนจะง้างหมัดขึ้นบ้าง อีกคนไม่ยอมหลบแต่กลับจ้องกลับมาด้วยสายตาที่ร่างสูงเองก็อ่านไม่ออก มันปนๆกันทั้งเสียใจ ตกใจ ขวัญเสีย หรืออะไรก็แล้วแต่เถอะ ขี้เกียจคิด แต่ท่าทางที่เหมือนจะร้องไห้แต่กลับจิกเล็บที่แขนตัวเองแน่นเพื่อกลั้นสะอื้น นั่นทำให้เขา ใจอ่อน

บ้าไปแล้ว คนอย่าง ฮวาง จื่อ เทา เนี่ยนะใจอ่อน

เอาเป็นว่าวันนี้ถือว่ามึงโชคดีแล้วกันไอ้หัวสี

ร่างสูงถอนหายใจแรง พลางเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้อีกคนนั่งจมอยู่กับตัวเองอย่างหาทางออกไม่ได้



พรึบ!! ผ้าเช็ดตัวถูกโยนมาให้ก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลงปลายเตียง

“ไปอาบน้ำซะ” สั่งเสียงเข้ม ก่อนจะนั่งเช็ดผมตัวเองไปเรื่อยๆ เซฮุนกัดปากแน่น ก่อนจะค่อยๆขยับตัวช้าๆแต่ก็ต้องยู่หน้าด้วยความเจ็บ ไม่ใช่ ไม่อยากอาบนะน้ำ เหนียวตัวจะแย่ แต่มันลุกไม่ไหวโว้ย แล้วเรื่องจะให้ขอร้องไอ้โยธานะเหรอ ชาติหน้าตอนบ่ายๆก็ไม่มีทาง

“ทำไมยังไม่ไปอีก มึงไม่เหนียวตัวหรือไง ” ร่างสูงตะคอก

“ไอ้เหี้ย มึงไม่เห็นเหรอว่ากูเดินไม่ได้ สัด เหี้ยเอ้ย!!” ร่างโปร่งด่ากลับ

“อ้าว แล้วไม่บอกว่ะ” จื่อเทาบ่นก่อนจะช้อนตัวคนหน้างอขึ้น

“มึงจะทำอะไรกู!!”

“ใจเย็นๆ กูก็แค่จะพามึงไห้องน้ำ บอกก่อนะว่ากูไม่เพิศวาสมึงขนาดนั้นหรอกเว้ย ” ร่างสูงบอกเสียงเรียบก่อนจะอุ้มเซฮุนเข้าห้องน้ำ



ร่างโปร่งยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกก่อนขยี้ผมเพื่อระบายวามเครียด ไม่ได้เครียดที่มีอะไรกับผู้ชายหรอก เพราะเขาไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสาที่ต้องมาร้องไห้ฟูมฟายเพื่อเรียกร้องความสนใจ คนอย่าง โอ เซ ฮุน ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด แต่ที่เครียดเนี่ยคือคนที่มีอะไรด้วยดันเป็นไอ้คนที่เขา “ไม่ถูกชะตา” ตั้งแต่แรกเห็นนะสิ

“ไอ้เหี้ยเอ้ย ” ร่างโปร่งสบถก่อนจะจัดการอาบน้ำด้วยควมหงุดหงิด

เอาว่ะ อะไรจะเกิดมันต้องเกิด



“เสร็จแล้วเหรอ” ร่างสูงเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังพยายามตะเกียดตะกาย?? ออกมาจากห้องน้ำ

“แล้วมึงเห็นกูไหมล่ะ ถ้าเห็นก็แปลว่ากูอาบเสร็จแล้ว” ร่างโปร่งบอกเสียงเข้ม

“กูถามดีๆนะไอ้เหี้ย มึงแมร่งไม่รวนกูจะตายไหมห่ะ” ร่างสูงส่ายหน้าระอาก่อนจะเดินเข้าไปพยุงอีกฝ่ายมาที่เตียง

“มึงไม่ต้องพูดมาก กูกับมึงมาตกลงกันแบบ แมนๆ ดีกว่า” ร่างโปร่งเปลี่ยนเรื่องก่อนจะนั่งลง

“ตกลงเรื่องอะไร”

“ก็ไอ้เรื่อง ห่าเหว นี่ไง กูขอบอกมึงเลยนะ กูไม่ใช่สาวน้อยสดใสบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นเรื่องเมื่อคืนถือว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น กูกับมึงยังเป็นคู่อริกันต่อ ตกลงตามนี้นะ” ร่างโปร่งสรุปเองเสร็จสรรพ

“ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง” จื่อเทาถามเสียงเข้ม ก็บอกไม่ได้ว่าทำไม ถึงแอบไม่พอใจอยู่ลึกๆ ที่คนตรงหน้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“แล้วมึงจะทำให้มันยากทำไม กูเป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว มึงไม่พูดกูไม่พูดมันก็ไม่มีใครรู้ หรือว่ามึงติดใจกู หึ”ร่างโปร่งยิ้มเยาะ

“เหอะ มึงก็งั้นๆ คู่นอนกูแต่ละคนเด็ดกว่ามึงเป็นร้อยเท่า”

“ก็ดี งั้นตกลงเอาตามที่กูบอก เรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น กูกับมึงไม่เคยกินเหล้าด้วยกัน ตามนั้นนะ” ร่างโปร่งยิ้มอย่าอารมณ์ดีที่หาทางออกได้แต่อีกคนกลับทำได้เพียงสะกดความไม่พอใจเอาไว้





เพล้ง!!!

หลังโรงฝึกยังคงเป็นสถานที่ระบายอารมณ์ที่ดีที่สุดของ ฮวาง จื่อเทา ร่างสูงกำลังเขวี้ยงขวดเปล่าอย่างบ้าคลั่ง นัยตาวาวโรจน์ที่กำลังครุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจทำเอาคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ขนลุกเกรียว

“ไอ้หัวหน้ามันเป็นอะไรว่ะ มึงรู้ไหมคริส” ลู่ห่านเอ่ยถามเพื่อนหลังจากดูหัวหน้าแผนก ระบายอารมณ์มาสักพัก

“กูจะไปรู้ได้ยัง ก็อยู่ด้วยกันเนี่ย จะว่าไปสองสามวัน มาเนี่ย มันก็เอาแต่หงุดหงิด แต่กลับไม่ยักออกไปหาเรื่องตีกับชาวบ้านเหมือนทุกที ” คริสบอกเพื่อน ระยะสองสามวันมานี่ทุกคนในแผนกเห็นถึงความ หงุดหงิด ในแววตาของจื่อเทาได้อย่างชัดเจนแต่ไม่มีใครกล้าพูดหรือถามถึงสาเหตุ แต่คริสว่ามันแปลก จื่อเทาที่เขารู้จักเป็นพวกใจร้อนกล้าได้กล้าเสีย ถ้ามีใครไม่กลัวตายมาทำให้หงุดหงิดขนาดนี้ ป่านนี้ไอ้เหี้ยนั่นมันเละไปแล้ว แต่นี่จื่อเทากลับเอาแต่ระบายอารมณ์กับข้าวของ มันไม่ธรรมดาแล้วนะแบบนี้

“เฮ้ ทุกคนกินซาลาเปาไหมว่ะ” ซิ่วหมิ่นเดินยิ้มมาแต่ไกลก่อนจะยื่นถุงซาลาเปาให้เพื่อน แต่ต้องชะงักเมื่อใครสายตาแต่ละคนที่มองมา

“ง่ะ เป็นอะไรกันว่ะ” ซิ่วหมิ่นเอ่ยถามเสียงเบา

“ชู่ว์ ไอ้อ้วน อย่าเสียงดังดิ หัวหน้าอารมณ์ไม่ดีนะวันนี้” ลูห่านเตือนเพื่อน ซิ่วหมิ่นหันซ้ายหันขวาอยู่สักพักก่อนจะวิ่งเข้าไปหลบหลังคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

“เฮ้ย อะไรของมึงว่ะ หมิ่น” เฉินแหวลั่นเพราะไอ้เพื่อนบ้าพวกนี้มันทำลายสมาธิเขาอีกแล้ว นี่เขากำลังหัดท่องคาถาเรียก ลม เรียก ฝน อยู่นะเว้ย ถ้าสำเร็จนะ เขาจะเอาไปออกงานวัด ฮ่าๆๆ ไม่รวยคราวนี้แล้วจะรวยคราวไหน

“เงียบๆน่า กูขอหลบหลังมึงหน่อย วันนี้หัวหน้าแมร่งอารมณ์ไม่ดีกลัวโดนลูกหลง”

“เหรอๆ งั้นกูจะร่ายคาถา มหาเวทย์กำบังกายไว้นะ รับรองว่าไม่มีใครทำอันตรายเราได้ ฮ่าๆๆ” เฉินหัวเราะร่า ท่ามกลางสายตาเอือมระอาของเพื่อนที่ชินกับพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อนคนนี้ มันเคยสนใจอะไรนอกจาก เวทย์มนต์ คาถาบ้างหรือเปล่าว่ะ





ห้าแสบของแผนกโยธาที่เดินตามถนนในสถาบันเรียกความสนใจได้ไม่น้อย เพราะน้อยครั้งมากที่จะเห็นทั้งห้าคนเดินด้วยกันแบบนี้ ปกติมักจะรวมตัวกันเฉพาะเวลาที่มีเรื่องมากกว่า

แล้ววันนี้ มันจะไปตีกับใครว่ะ



จื่อเทาแสยะยิ้มก่อนจะเดินนำรุ่นพี่ทั้งสีไปที่โรงอาหาร จริงๆวันนี้ก็ไม่มีอะไรหรอกก็แค่เบื่อหลังโรงฝึกเลยอยากลองมากินข้าวที่โรงอาหารแบบคนอื่นๆเขาบ้าง แต่พวกแม่งมองอยากกะเขาเป็นตัวประหลาด

เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจในโรงอาหารเงียบกริบลงทันทีที่ร่างสูงของหัวหน้าโยธาเดินเข้ามาสายตาเย็นชาที่มองไปรอบนั่นทำให้คนทั้งโรงอาหารตัวแข็งทื่อ สีหน้าเฉยชาแต่ดุดันกำลังทำให้คนทั้งหมดแทบไม่กล้าหายใจ พนันได้เลยว่าถ้าตอนนี้มีเข็มตรงสักเล่มคงได้ยินกันทั้งโรงอาหาร

“โห ไม่ได้เข้ามาซะนาน โรงอาหารมีอะไรกินบ้างน๊า” คนแก้มป่องบอกด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันทำให้บรรยากาศดีขึ้นมาเล็กน้อย ย้ำว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะถึงซิ่วหมิ่นจะดูร่าเริงแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็เป็นหนึ่งในเด็กแสบโยธา เรื่องความโหดน่ะไม่ต้องพูดถึง

ห้าหนุ่มนั่งทานข้าวของตัวเองไปเรื่อยๆท่ามกลางความเงียบของโรงอาหาร ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไม คนที่เกลียดความวุ่นวายอย่าง ฮวาง จื่อเทาถึงมากินข้าวที่นี่แทนที่จะกินหลังโรงฝึกเหมือนทุกวัน



“นี่ เซฮุน วันนี้อาจารย์อี้ชิง ชมเราด้วยนะ ว่าทำเค้กได้ดีมาก” เสียงใสเอ่ยขึ้นก่อนที่ร่างเล็กจะเดินเช้ามาพร้อมกับใครบางคน ใครที่ทำให้คนทั้งโรงอาหารหายใจไม่ทั่วท้อง บางคนถึงขั้นวิ่งแจ้นออกไปทันที คนๆนั้นคือ โอ เซฮุน ใครๆก็รู้ว่าตอนนี้ร่างโปร่งหัวสีกำลังมีเรื่องกับหัวหน้าโยธาอยู่ ถ้ายังไม่อยากโดนลูกหลงอย่าอยู่ใกล้เด็ดขาด

“งั้นวันนี้ เราคงต้องชิมซะแล้วล่ะ ของอร่อยต้องกินๆ” ร่างโปร่งบอกอย่างร่าเริงก่อนจะนั่งลงกินเค้กของคนตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่สนใจบรรยากาศรอบข้างเลยสักนิด ไอ้ที่เขาบอกว่า โอเซฮุนเป็นคนไม่สนโลก ท่าจะจริง



หึ มาแล้วสินะ โอเซฮุน ร่างสูงแยะยิ้ม เป้าหมายของเขามาแล้ว แถมยังมาให้ตะครุบถึงที่ ไม่เสียแรงที่ยอมทนกับความวุ่นวาย??? ในโรงอาหาร




..........................TBC......................................

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

TaoHun 2





แสงหลากสี กับเพลงที่ดังกระหึ่ม ทำให้ร่างโปร่งอดที่โยกหัวตามไม่ได้ เพลงมันส์ๆกับแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดกำลังทำให้ เซฮุน รู้สึกสนุกขึ้นมากกว่าเดิม ไหนๆวันนี้ก็เซ็งมาทั้งวัน เลยตัดสินใจออกมาท่องราตรีซะหน่อย เผื่อมันจะหายอารมณ์เสียบ้าง พูดแล้วแมร่งขึ้น คนเหี้ยอะไรกวนตีน ชิบหาย อย่าให้กุเจออีกนะมึง ไอ้โยธา กูเหยียบมึงจมดินแน่ แต่จู่ๆเซฮุนกำลังรู้สึกว่าตัวเอง คิดผิดมาก ที่เลือกมาร้านนี้ ก็เมื่อร่างสูงของใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า

“ไง ไอ้หัวสี ” คนร่างสูงทักเสียงเข้ม

“เหอะ” ร่างโปร่งแค่นเสียงก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มต่ออย่างไม่สนใจ จื่อเทากำหมัดแน่น พยายามระงับความโกรธ

ไอ้เหี้ยนี่ ชักจะกวนเกินไปแล้ว

“เฮ้ย ถ้ามึงแน่จริงดวลเหล้ากับกูไหม” ร่างสูงเอ่ยถามพลางถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ก่อนจะวางขวดเหล้ายี่ห้อหรูลงตรงหน้า

“มึงจะมาไม้ไหน” เซฮุน เอ่ยถามอย่างใจเย็น พลางหรี่ตามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย ฮวาง จื่อเทา เป็นคนใจร้อน มุทะลุ ก็จริง แต่ก็เป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด อย่าลืมสิ ว่า ไอ้หัวหน้าแผนกนี่มันจ้องจะเล่นงานเขาอยู่

“ทำไม หรือมึงกลัว” ร่างสูงถามก่อนจะยกยิ้มท้าทาย

“หึ ถ้ามึงจะเล่นแผน ยั่วโมโหกูหรือไง ไม่สำเร็จว่ะ พอดีกูฉลาด” เซฮุนยกยิ้มอย่างเป็นต่อ

“คนอย่างกู ไม่จำเป็นต้องมีแผนการอะไร กูก็แค่อยากรู้ว่าเด็กแสบ ช่างกล มันจะมีดีแค่ไหน ถ้ามึงกลัว กูกินให้ดูก่อนก็ได้” ร่างสูงบอกก่อนจะเทเหล้าลงในแก้วแล้วยกดื่มแบบเพียวๆ

“กล้าป่ะ หรือว่าพวกช่างกล เก่ง แต่ ปาก” ร่างสูงท้าก่อนจะวางแก้วลงตรงหน้าคู่อริ

“หึ คนอย่างกูไม่เคยกลัวอะไร” ร่างโปร่งบอก ต่อให้มันจะมีแผนอะไรตอนนี้ก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้าถอยศักด์ศรีของแผนกก็คงไม่เหลือ

ร่างโปร่งรินเหล้าลงบนแก้ว ก่อนจะยกดื่มรวดเดียวหมด

ปึก!!

“คนอย่างกู ไม่มีวันแพ้!!” บอกพลางวางแก้วกระแทกโต๊ะอย่างแรง

“หึ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ร่างสูงยกยิ้ม ก่อนจะยกแก้ขึ้นดื่มด้วยท่าทีสบายๆ

แก้วแล้วแก้วเล่า ที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันดื่ม จนตอนนี้บนโต๊ะมีขวดเหล้ายี่ห้อหรูวางอยู่เกือบเต็มโต๊ะ!!

“มึงนี่คอแข็งกว่าที่กูคิดนี่หว่า ไอ้หัวสี” ร่างสูงที่เริ่มมึนๆ เอ่ยบอก

“เหอะ กูมันระดับไหนแล้ว แค่เหล้าเนี่ยเด็กๆเขากินกันโว้ย” เซฮุนบอกก่อนจะตบอกอย่างภูมิใจ

“หึ งั้นอีกขวดเป็นงาย” จื่อเทาท้า

“ได้เลย กูไม่เคยกลัว”

จื่อเทาตะโกนสั่งมาเหล้าอีกขวดทันทีที่อีกคนรับคำท้า ถึงจะเริ่ม มึนๆ เมาๆ ไปบ้างแต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่เขาจะมายอมแพ้ให้ไอ้หัวสีนี่ไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวใครเขาจะหาว่า ฮวาง จื่อ เทา หัวหน้าแผนกโยธา อ่อน!!

“เฮ้ย อ้ายยยยยยหัวสี ทำไม มึงมีสองหัวว่ะสาดด” คนร่างสูงหัวเราะร่วนเมื่อมองไปพบว่าคนที่นั่งตรงข้ามมีสองหัว ฮ่าๆๆ เอาไปออกงานวัดท่าจะดี

“มึงก็เหมือนกานนน มึงแมร่งมีสี่ตาว่ะ ” คนที่เมาไม่แพ้กันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ก่อนจะชี้หน้าฝั่งตรงข้าม

“เหอะ กูว่ามึงเมาแล้วมากกว่า คนเหี้ยอะไรจะมีสี่ตา”

“มึงนั่นแหล่ะเมา มึงก็เห็นกูมีสองหัวเหมือนกัน”

“กูไม่มาวววว” ร่างสูงแหวลั่น

“กูก็ไม่มาวววววววววว” อีกคนเถียงกลับ

“มึงเมา”

“มึงสิเมา”

“มึงแหล่ะ”

“มึง”

“มึง”



“แต่กูว่าพวกมึง เมาแมร่งทั้งคู่!!!” เสียงที่สามดังขึ้นก่อนชานหนุ่มร่างสูงตบโต๊ะเสียงดัง

“อ้าว พี่ยุนโฮ หวาดเดเพ่” จื่อเทาลุกขึ้นโค้งทักทายรุ่นพี่ ในแผนกที่จบไปเมื่อปีก่อนอย่างสวยงามที่สุดเท่าที่คนเมาจะทำได้

“สัด ใครให้พวกมึงแดกกันขนาดนี้ว่ะ เมาจนจนั่งไม่อยู่แล้วยังไม่เลิกกินอีก” ยุนโฮแหวลั่น เขานั่งมองไอ้รุ่นน้องร่วมสถาบันดวลเหล้ากันมาตั้งแต่สองทุ่มนี่จะตีหนึ่งอยู่แล้วพวกมันยังไม่หยุดกันอีก แถวยังเอะอะโวยวายเสียงดังลั่น นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นรุ่นน้องนะ ป่านนี้ไอ้สองตัวนี้โดนเขากระทืบตายไปนานแล้ว

“โหพี่ ผมแดกเยอะผมก็มีตังค์จ่าย น๊า พี่ไม่ต้องกลัวขาดทุนหรอก” จื่อเทาบอกกับรุ่นพี่

“กูไม่ได้ห่วงตังค์ กูห่วงพวกมึงมากกว่า พอแล้วเลิกๆๆ ไปนอนไป” ยุนโฮไล่ ก่อนจะเรียกให้เด็กมาเก็บโต๊ะ

“หา นอนเหรอ เออดีนอนๆ” คนหัวสีที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นก่อนที่ร่างโปร่งจะจัดการนอนลงบนพื้นร้าน !!

“ไอ้พวกเหี้ย นี่พวกมึงจะมาสร้างปัญหาให้กูใช่ไหมเนี่ย” ยุนโฮสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะสั่งลูกน้องให้หิ้วปีกไอ้คนที่เมาไม่รู้เรื่องสองคน ไปบนชั้นสามของร้านที่เป็นห้องพัก ก็นะ เขาเปิดผับ นิ บางทีมันก็ต้องมีห้องบริการแขกบางคนที่อยากจะ xyz แต่ขี้เกียจจะไปไกล อะไรพวกนั้นอยู่แล้ว





“เฮ้ยยยยยย อ้ายหัวสี มึงเมาแล้วเหรอว่ะ” ร่างสูงเอ่ยถามคนที่นอนอยู่ข้างๆ

“คายมาวววว กูม้ายเคยมาวเว้ย”

“ดี งั้นมาดวลอีกรอบ หึ คราวนี้ มึงแพ้กูแน่” ร่างสูงบอกอย่างหมายมาด ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเบียร์ออกมาหกกระป๋อง

“มึงดูนี่” บอกก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

“หึ เด็กๆ” เซฮุนยกยิ้มก่อนจะทำตามบ้าง







“อื้อ แมร่ง ไอ้พี่ยุนโฮขี้เหนียวป่าวว่ะ ไม่เปิดแอร์หรือไง ทำไมมันร้อนแบบนี้ว่ะ” จื่อเทาที่กำลังจะยกเบียร์กระป๋องที่สามขึ้นบอกอย่างขัดใจ ร่างกายมันร้อนวูบวาบแปลกๆ แต่ที่มันแปลกกว่าคือ ตอนนี้เขารู้สึก ไม่ปกติ ใช่ไม่ปกติมากๆเลยล่ะ

“เหี้ยเอ้ย หรือว่าเบียร์ ไอ้พี่ยุนโฮแมร่ง ทำไรของมันว่ะ!!” ตะโกนลั่นก่อนจะโยนกระป๋องเบียร์ ออกไปอีกทาง



“อื้อ อะ อื้อ”

“ไอ้เหี้ย!!” จื่อเทาตะโกนลั่นเมือเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องของเขาตอนนี้มันอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แถมมันยัง “จัดการ” กับตัวเองต่อหน้าเขาอีกต่างหาก

“นะ นี่ มันอะไรกันว่ะ” จื่อเทาแทบอยากจะกระโดดลงหน้าต่างไปข้างล่างถ้าไม่ติดว่านี่ชั้นสาม คือ เข้าใจไหม ว่า เขาเป็นผู้ชาย ผู้ชายอายุ 20 มีสภาพร่างกายสมบรูณ์แข็งแรง แล้วที่สำคัญ มนุษย์ผู้ชายอย่างเขา อารมณ์มันขึ้นง่ายเข้าใจไหมสัด แล้วไอ้เหี้ยนี่ยังมาทำอะไรต่ออะไรให้เขาเห็นอีก จื่อเทาอยากตาย!!

“เฮ้ย อะไรของมึงอีกว่ะ” ตกใจจนไม่รู้ว่าจะตกใจยังไงแล้วเมื่อไอ้คนที่มันนอนอยู่ข้างๆ ขึ้นคร่อมเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด

“อื้อ ที่รักอย่าขัดขืนน่า” คนที่ดูเหมือนจะเมาสั่งก่อนที่จะซุกไซร้ซอกคอเขาทันที

“เฮ้ย มึงจะทำอะไรว่ะ”

จื่อเทาไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงต้องมาทำตัวเหมือน เคะ น้อยๆ หรือสาวใสวัย 16 แบบนี้ด้วยว่ะ

“ก็แสดงความรักไงครับ” คนเมาบอกเสียงอ้อแอ้ ก่อนจะกดจูบร้อนแรงลงมาทันที ลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาในโพรงปากทำเอาจื่อเทาตาเบิกโพลง สติและการควบคุมตัวเองที่เคยมีเริ่มจะสั่นคลอน

กูจะไม่ทนแล้วนะโว้ย!! ตะโกนบอกอีกคนในใจก่อนจะพลิกคนเมาให้นอนราบลงบนเตียง

“อื้อ” คนที่อยู่เบื้องล่างประท้วงอย่างขัดใจ

“ใจเย็นๆ ยังไงวันนี้มึงได้เป็นเมียกูแน่ เพราะตอนนี้กูคุมตัวเองไม่อยู่แล้วเหมือนกัน” ร่างสูงแสยะยิ้ม ก่อนจะประกบจูบลงไปอย่างร้อนแรง มือหนาสัมผัสไปทั่วเรือนร่างเปล่าเปลือยของคนใต้ร่าง อย่างหลงใหล

จื่อเทากำลังคลั่ง!!

เขาไม่เคยคิดว่าไอ้หัวสี มันจะเซ็กซี่ ขนาดนี้ ผิวขาวที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเพราะแรงอารมณ์ ยิ่งทำให้จื่อเทา หูอื้อตาลาย ไหนจะเสียงครางทุ้มต่ำเหมือนจะขาดใจนั้นเอง บอกได้เลยว่า จื่อเทาจะไม่ทน!!

ร่างสูงขบเม้นไปทั่วลำคอระหงส์ก่อนจะดูดหนักๆเพื่อฝากร่องรอยเอาไว้อย่างชัดเจน ก่อนจะเลื่อนต่ำลงจัดการยอดอกที่เชิญชวนให้ลิ้มลองอย่างหลงใหล

“อะ อื้อ” เสียงครางจากอีกคนยิ่งทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดหายไปกับสายลม ต่อให้เอาช้างมาฉุด จื่อเทาก็คงไม่มีทางหยุดแน่นอน

“กูขอเลยแล้วกันนะ” ร่างสูงกระซิบ ก่อนจะยกขาเรียวขึ้นพาดบ่า แทรกตัวเข้าไปช้าๆ ถึงจะไม่มีสติเท่าไหร่แต่ก็รู้ว่านี่ครั้งแรก มันคงเจ็บน่าดูเหมือนกันเอาเป็นว่าเบาๆให้มันหน่อย

“อื้อ ไอ้เหี้ยแน่นชิบ” ร่างสูงสถบลั่น เมื่อดันเข้าไปแค่ส่วนหัวแต่อีกคนกลับรัดแน่นจนเขาแทบจะปลดปล่อย

“อื้อ เจ็บ เอาออกไปสิว่ะ” ร่างโปร่งประท้วง

“ใจเย็นสิ ให้หยุดตอนนี้มันไม่ได้แล้วนะเว้ย” ร่างสูงบอกแต่ก็รู้ว่าพูดไปอีกคนก็ไม่รับรู้อยู่ดี เลยจัดการเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการประกบจูบริมฝีปากบางนั่นพร้อมกับที่มือหนาบดขยี้ยอดอกของอีกฝ่ายไปด้วย



“อะ อ๊า อื้อ” เสียงครางแผ่วๆ ดังขึ้นเมื่อคนด้านบนกระแทกร่างกายอย่างไม่หยุดหย่อนจากเนิบนาบเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์

“อะ แมร่ง อื้อ”

“อะ อ๊า อื้อออออออ”

เสียงครางยังคงดังก้องอยู่นานกว่าที่ทุกอย่างจะสงบลง ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนข้างๆร่างโปร่งหลังจากที่ปลดปล่อยไปแล้ว ก่อนจะเหม่อมองเพดานห้องอย่างหนักใจ

ทำไปแล้ว มีอะไรกับคู่อริของตัวเองแถมเป็นผู้ชายด้วยเนี่ยนะ บ้าไปแล้วน่า ฮวาง จื่อ เทา

“โอ้ย ไม่คิดแมร่งแล้ว ใครใช้ให้มึงมายั่วกูก่อนว่ะ ดีเหมือนกัน ถือว่ากูแก้แค้นมึงไปด้วย”



จื่อเทาแสยะยิ้มก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป พร้อมกับเปลือกตาที่ค่อยๆปิดลงเพราะความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมเมื่อครู่

.................................................TBC.....................................




อย่าลืมกลับไปเม้น ให้เราด้วยน๊า

TaoHun..เด็กแสบโยธาเด็กซ่าช่างกล 1





เพล้ง!!!


เสียงแก้วแตกกระทบพื้นปูนของลานกว้างหลังโรงฝึก ดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงในเสื้อช๊อปสีเทาจะตะโกนลั่น


“ไอ้เหี้ยเอ้ย” เสียงนั้นสบถก่อนจะปรายตามองไปยังเพื่อนที่นั่งโอดโอยอยู่ข้างๆ


“พวกมึงนี่แมร่งโคตรเสียชื่อ แผนกเลยว่ะ ทำไมปล่อยให้มันอัดเละกลับมาได้ขนาดนี้ห่ะ” เสียงทุ้มตวาดลั่นจนคนเจ็บได้แต่ก้มหน้าตัวสั่นหงึกๆ


“ไม่เอาน่า จื่อเทา ของแบบนี้มันมีแพ้กันได้” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนที่ผู้ชายหน้าสวยเกินกว่าจะเป็นเด็กช่างจะลุกขึ้น


“พี่ไม่ต้องออกรับแทนพวกมันหรอกพี่ลู่ห่าน ไปตั้งสาม แต่แพ้คนแค่คนเดียวเนี่ยนะ แล้วแบบนี้ศักดิ์ศรีของแผนกเราจะเหลืออะไรว่ะพี่” อีกคนยังตวาดไม่เลิก


“แต่ว่า จื่อเทา คือพวกเรา…”“อย่าเสือกพูด ถ้ากูไม่ได้สั่ง!!” ร่างสูงบอกเสียงลอดไรฟัน



“เฮ้ยไอ้เทา เอาน่า ใจเย็นๆดิว่ะ ไปตวาดพวกแมร่งแบบนั้น เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก ” เสียงที่สามบอกก่อนที่จื่อเทาจะปรายตามองรุ่นพี่ที่เหมือนกับรองหัวหน้าแผนก อย่างเคืองๆ



“เหี้ยคริส กระตุกหนวดแพนด้าแล้วมึง” คนแก้มป่องที่นั่งอยู่บอกเบาๆ แต่คนที่ถูกพาดพิงทำแค่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก



“อย่ามามองกูแบบนั้น กูไม่ได้ห้ามมึงลงโทษพวกมัน แต่กูแค่อยากให้มึงใจเย็นๆลงบ้าง เอะอะก็เสียงดังโวยวาย ใครมาได้ยินเข้าเขาจะหาว่าแผนกเรา ถ่อย!!” ร่างสูงที่ชื่อคริส บอกรุ่นน้องเบาๆ



“โทษทีว่ะ พี่ ผมแค่โมโหมากไปหน่อย ยังไง พี่ซิ่วหมิ่นกับพี่เฉินช่วยเอาพวกมันไปทิ้งที่ไหนก็ไปเถอะ ผมไม่อยากเห็นหน้า” หัวหน้าแผนกสั่งเสียงเฉียบก่อนที่คนแก้มป่องจะยิ้มรับ



“วางใจเถอะน่า เดี๋ยวกูกับไอ้เฉินจัดการเอง เฮ้ย พวกมึงสามตัวลุกสิว่ะ จะอยู่ให้หัวหน้าพวกมึงกระทืบซ้ำหรือไง” สามร่างที่นั่งสั่นเป็นเจ้าเข้ารีบวิ่งตามซิ่วหมิ่นออกไปทันที



“เฮ้ย เชี่ยเฉิน ไอ้หมิ่นไปแล้วมึงไม่ไปเหรอว่ะ” ลู่ห่านหันมาสะกิดเพื่อนที่นั่งหลับตาอยู่



“เหี้ย ไอ้ลู่ทำลายพิธีกู นี่กูกะจะเสกควายเข้าท้อง ไอ้คนที่มันหยามหน้าเราสักหน่อยพิธีกุล่มเลยแมร่ง” เฉินบอกอย่างหัวเสีย



“ไปทำที่อื่น เดี๋ยวไอ้หมิ่นแมร่งไม่เจอก็กินหัวมึงเอาหรอก สัด”



“ไล่กูจัง เออๆ กูไปแล้ว” เฉินฟึดฟัดแต่ก็ยอมเดินตามคนทั้งสี่ออกไป



“แล้วตกลงมึงเอาไงว่ะ ไอ้เทา” คริสเอ่ยถาม



“ขอผมคิดก่อนพี่ ตอนนี้พวกเราโดนอาจารย์ซูโฮ เพ่งอยู่ ถ้าขืนมีเรื่องแมร่งโดนไล่ออกยกเซ็ตแน่ ขอผมคิดสักสองวันแล้วกัน” จื่อเทาบอกก่อนจะเดินออกไปทันที




หึ ไม่เสียแรงที่พวกเขาเลือกมันมาเป็นหัวหน้า แม้ว่า จื่อเทา จะอยู่แค่ปีสอง แต่เรื่องฝีมือการต่อสู้เชื่อแน่ว่าทั้งแผนกไม่มีใครล้มมันได้ จะมีปัญหาก็แค่มันมุทะลุไปหน่อยใจร้อนไปนิดแต่ก็ยังดีที่ยอมรับฟังคนอื่นบ้าง ร่างสูงคิดก่อนจะมองแผ่นหลังของหัวหน้าแผนกโยธา อย่างชื่นชม ร่างโปร่งของใครคนหนึ่งเดินไปรอรถเมล์ที่หน้าโรงเรียนเหมือนทุกวัน ผมหลากสีที่มองไปมองมาเหมือนนกแก้วเกาะบน ไอติมเรนโบว์ ช่างยั่ว(โมโห) คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ดีเหลือเกิน พนันได้เลยว่า ร้อยทั้งร้อนต้องหันกลับมามอง และถามตัวเองว่า ไอ้เหี้ยนี่มันบ้าเปล่าว่ะ


“ไอ้ฮุน!!” เสียงเรียงดังขึ้นก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินเข้ามาหา ตาเรียวเล็กที่เขียนด้วยอายไลน์เนอร์กำลังจ้องคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง


“อะไรของมึง ไอ้หมาน้อย มองกูไมว่ะ”


“ไอ้เซฮุน กูชื่อแบคฮยอน ไม่ได้ชื่อหมา สัดนิ” คนตัวเล็กตวาดลั่น



“โถ่ๆ ตัวเท่าลูกหมา จะทำอะไรกูครับ”



“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ที่กูมาวันนี้ กูว่าจะถามมึงหน่อย ใช่มึงหรือเปล่าที่ไปกระทืบเด็กโยธาจนหยอดน้ำข้าวต้มไปสามคนน่ะ” ร่างเล็กเอ่ยถามเสียงเครียด เรื่องนี้มันทำให้เขาคิดไม่ตกเลยจริงๆ ใครๆในสถาบันก็รู้ทั้งนั้น ว่าถ้าอยากมีชีวิตสงบสุขอย่าไปยุ่งกับพวกโยธา ลำพังลูกน้องน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่หัวหน้าแผนกพวกมันอ่ะดิ โหดสัด



“แล้วมึงคิดว่าใช่ป่ะล่ะ” อีกคนยังกวนไม่เลิก



“หึ ไอ้หัวสี แผนกช่างกล มันจะมีสักกี่คนกันว่ะ ถ้าไม่ใช่มึง”



“ก็ตามนั้น” ร่างโปร่งบอกอย่างสบายๆ ไอ้เรื่องชกต่อยกับเด็กช่างอย่างเขามันเป็นของคู่กันปกติก็ตีกับสถาบันอื่นแทบทุกวันอยู่แล้ว วันนี้ก็แค่แปลกหน่อยที่ดันตีกับคนในสถาบัน



“ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะมึง ถ้าไอ้พวกนั้นยกพวกมามึงจะหัวเราะไม่ออก”“เหอะ ถ้ากลัวกูก็คงไม่กล้าทำหรอกว่ะ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้หัวหน้าโยธาที่เขาว่าเก่งนักเก่งหนาน่ะ จะเก่งสักแค่ไหนเชียว”



“ทำเป็นพูดดีไปเถอะมึง แล้วอย่าวิ่งร้องไห้มาให้กูช่วยนะ”



“ฮ่าๆๆ เด็กคหกรรมตัวเท่าลูกหมาอย่างมึง จะช่วยกูได้แน่เหรอว่ะ” ร่างโปร่งหัวเราะร่วน“เซฮุน แบคฮยอน มาอยู่นี่เองเราตามหาตั้งนาน” ร่างเล็กๆของผู้ชายตาโตตะโกนเรียก



“แบคฮยอน ไม่รอเราเลย เราอุส่าห์ไปเอาการบ้าน วิชาขนมอบของอาจารย์อี้ชิงมาให้นะ” คนตาโตบอก


“เอาน่า คยองซู ฉันแค่มีเรื่องจะคุยกับไอ้หัวสีรุ้งนี่ หน่อยน่ะ ”



“ไปเถอะ จงอินกับชานยอล รอนานแล้วนะ เร็วๆ เราไปก่อนนะ เซฮุน” คนตาโตบอกลาก่อนจะลากเพื่อนตัวเล็กให้ขึ้นรถคันหรูไปด้วยกัน





รถเมล์สายคุ้นตาวิ่งมาแต่ไกลคนหัวสี กำลังเล็งเป้าหมายอย่างเต็มที่เพราะการขึ้นรถเมล์ในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้ถือว่าเป็นงานหนักเอาการ เพราะมันต้องใช้พละกำลังปฏิภาณไหวพริบกันพอสมควร
เอี๊ยดดดดดด เสียงล้อรถครูดถนนเป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้น เหล่าฝูงชนจำนวนมหาศาลกำลังยื้อแย่งเพื่อจะไปให้ถึงที่นั่งบนรถอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าขึ้นไปแล้วก็ต้องไปยืนอัดเป็นปลากระป๋องอยู่ดี



“ฟู่” ร่างโปร่งเป่าปากอย่างโล่งใจเมื่อเข้ามายืนในรถจนได้ ก่อนจะเหลือบมองเบาะหลังที่เหมือนจะมีที่ว่างเหลืออยู่หนึ่งที่



เสร็จกูสิครับร่างโปร่งกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะเดินไปที่จุดหมาย แต่…..



“ไอ้เหี้ย!!” ร่างโปร่งสบถเสียงไม่เบาหนักเมื่อที่นั่งที่ว่างอยู่ที่เดียวบนรถจะถูกใครสักคนแย่งไป แต่อะไรมันก็ไม่เจ็บใจเท่า ไอ้คนที่แย่งไปมันยังหันมายักคิ้วเยาะเย้ยเขาด้วย



ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้โยธา


เขารู้ได้ยังไงนะเหรอว่าไอ้คนหน้าด้านนั่นมันเรียนโยธา ก็คนตรงหน้าเนี่ย คนดังของสถาบันเลยนะ ใครบ้าจะไม่รู้จัก ฮวาง จื่อ เทา หัวหน้าแผนกโยธา หึ แมร่งคงนิสัยแย่ตั้งแต่ลูกน้องยันหัวหน้าแผนกเลยสินะร่างโปร่งได้ข่มอารมณ์ไว้ในใจ บนรถเมล์ที่แน่นขนาดนี้ จะมามีเรื่องกันมันไม่สะดวก แต่อย่าให้เจออีกนะมึงถ้าเจอแมร่งจะซัดไม่ยั้งเลย ไอ้คนนี่ก็ขยันขึ้นรถจังว่ะ เห็นไหมเนี่ยว่ามันแน่นจนจะหายใจไม่ออกแล้ว โทษลมโทษฟ้าไปเรื่อย พอมารู้ตัวอีกทีตัวเองก็โดนเบียดมาอยู่ตรงหน้าอีกคนซะแล้ว



“ไงมึง ไอ้หัวสี” ร่างสูงเอ่ยทัก“หึ” แต่อีกคนแค่แค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะมองเลยออกนอกหน้าต่าง



เอี๊ยดดดดดด



เหว๋อ ตุ๊บ!!!!!!



“หึ นี่มึง อยากนั่งตักกูมากขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ” จื่อเทาถาม คงเพราะอีกคนมัวแต่เก็กอยู่เลยไม่ทันระวังตอนที่รถเบรกเลยเสียหลัก แต่เหมือนนรกเป็นใจ เพราะไอ้หัวสี คู่อริ มันหล่นตุ๊บลงบนตักเขาพอดีเป๊ะ



“ไอ้เหี้ย!!!” ร่างโปรงแหวลั่นก่อนจะรีบกดกริ่งเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงที่หมายแล้ว กูหนอกู ล้มลงที่ไหนไม่ล้ม ดันไปล้มบนตักไอ้เหี้ยนั่น แมร่ง คนก็มองกันทั้งรถ กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


“เหี้ยเอ้ย อย่าให้เจอนะมึง” เซฮุน บ่นกับตัวเองเบา



“ถ้ามึงเจอกู มึงจะทำไมว่ะ” เสียงหนึ่งตะโกนถาม จากข้างหลัง“เฮ้ย มึง มาได้ไงว่ะ”“ก็เดินมา” อีกคนตอบด้วยท่าทีสบายๆ

“มึงตามกูมาทำไม”


“จุ๊ๆๆ เด็กน้อย มึงหลงตัวเองไปหน่อยไหมว่ะ กูจะตามมึงมาทำหอกอะไร มึงเป็นใครเหรอครับ”



เซฮุนรู้สึกเจ็บ ยิ่งกว่าโดน ถีบยอดหน้า แมร่ง ไอ้นี่มันเยาะเย้ยกู“แล้วมึงจะเอาไงก็ว่ามาดีกว่า ตัวๆเลยไหม มึงอยากแก้แค้นที่กูกระทืบลูกน้องมึงไม่ใช่เหรอ” เซฮุนลอยหน้าลอยตาพูด ก่อนจะปรายตามองอีกคนที่กำหมัดแน่นเหมือนสะกดอารมณ์



“หึ กูไม่ต่อยกับมึงให้เสียเวลาหรอก กูว่ากูมีแผนเด็ดกว่านั้น เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะมึง”



“มึงนั่นแหล่ะ ที่ต้องระวังตัว” ร่างโปร่งชี้หน้าก่อนจะเดินเข้าซอยไป



“มึงนี่น่าสนใจกว่าที่คิดอีกนะ ไอ้หัวสี” ร่างสูงบอกเบาๆก่อนจะมองตามแผ่นหลังของอีกคน เรียนที่เดียวกันมาสองปี แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขากับเซฮุนจะปะทะกันตรงๆสักที ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กแสบของช่างกล แต่เพราะรู้ถึงหลีกเลี่ยงที่จะมีเรื่องมาตลอด เพราะขี้เกียจจะวุ่นวาย แค่ตีกับสถาบันอื่นก็เหนื่อยจะตายอยู่ แต่ตอนนี้ชักรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดซะแล้วสิที่ปล่อยเวลาให้มันผ่านมาตั้งสองปี
แล้วเราจะได้เห็นดีกัน โอเซฮุน

.........................TBC...................................
กลับไปเม้นในเด็กดีให้ด้วยนะคะ